อากาศในบ้านเราคงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่ามันร้อนถึงร้อนมาก แค่เดินออกนอกบ้านไม่ถึงนาทียังรู้สึกว่าตัวแทบละลายได้เลย แล้วรถของเราล่ะที่ต้องสัมผัสกับอุณหภูมิที่สูงจากการทำงานของเครื่องยนต์อยู่แล้ว ไหนจะสภาพการจราจรที่แออัดติดขัดมากระบายความร้อนกันแทบไม่ทัน มาช่วงนี้เข้าหน้าร้อนอีกสภาพอากาศแบบร้อนจัดๆ ก็อาจจะทำให้รถยนต์ที่รักเกิดไม่สบายตัวได้เหมือนกัน ฉะนั้นต้องตรวจสอบดูแลรถยนต์ในช่วงหน้าร้อนมากยิ่งกว่าเดิม เพื่อให้ได้เดินทางขับขี่อย่างสบายใจและปลอดภัยที่สุด
แล้วต้องตรวจอะไรบ้างล่ะ?
การตรวจเช็คหรือบำรุงรักษารถยนต์ในหน้าร้อนจริงๆแล้วก็ตรวจเช็คเหมือนทั่วๆไป เพียงแต่อาจจะต้องเพิ่มความถี่ในการตรวจเช็คมากขึ้น เช่น ปกติเคยเปิดฝากระโปรงเช็คทุกอาทิตย์ ก็อาจจะเปลี่ยนเป็น 2-3 วันเช็คครั้งนึง หรือเป็นไปได้ก็เช็คทุกครั้งก่อนใช้งานยิ่งดี และในการใช้งานก็หมั่นสังเกตอาการหรือสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นกับรถของเรา เช่น สัญลักษณ์ หรือค่าต่างๆที่แสดง รวมถึงเข็มมาตรวัดที่แสดงอยู่ในแผงหน้าปัด โดยเฉพาะเข็มความร้อน
ส่วนใต้ฝากระโปรงก็ตรวจเช็คตามนี้ครับ
- ระบบหล่อเย็นหรือระบบระบายความร้อนเครื่องยนต์
ชื่อก็บอกเลยว่าระบบหล่อเย็นและระบบระบายความร้อน ควรสังเกตุและตรวจสภาพของหม้อน้ำให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่มีรอยรั่วรอยซึม เหล็กรัดท่อยางและตัวท่อยางต่างๆไม่มีร่องรอยขาดหรือชำรุดเสียหาย และเช็คระดับน้ำในถังพักให้อยู่ในระดับเสมอ หากระดับน้ำพร่องลงไปก็หาซื้อน้ำยาหล่อเย็นมาเติมหรือถ้าพร่องเล็กน้อยก็น้ำเปล่าได้ แต่ถ้าระดับน้ำในถังพักแห้งเหือดหายไปเลยอันนี้ต้องตรวจเช็คให้ละเอียดเพราะอาจเกิดการรั่วขึ้นแล้ว
ส่วนการระบายความร้อน รถยนต์ทุกคันจะต้องมีการระบายความร้อน ในที่นี้คือต้องมีพัดลมเพื่อใช้เป่าระบายความร้อนให้กับเครื่องยนต์ การตรวจเช็คการทำงานก็เป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะเมื่อไหร่ที่พัดลมไม่ทำงานความร้อนก็จะเพิ่มขึ้น และเพิ่มขึ้น จนเครื่องฮีตแล้วเครื่องยนต์ก็จะตัวร้อนจัดถึงขั้นน็อคไปเลย วิธีเช็คก็ต้องสตาร์ทเครื่องเปิดแอร์ เปิดน้ำยาแอร์ หรือปรับอุณหภูมิให้อยู่ตำแหน่งเย็นสุดรอซัก 1-2 นาที แล้วเราก็มาเช็คการทำงานของพัดลมที่อยู่ในห้องเครื่อง โดยปกติพัดลมจะต้องทำงานทั้ง 2 ตัว(พัดลมเครื่อง+พัดลมแอร์) แต่ถ้ารอแล้วรอเล่าพัดลมก็ไม่ทำอันนี้คงต้องพึ่งพาช่างให้ช่วยเช็คให้แล้วครับ
- ระบบหล่อลื่น (น้ำมันเครื่อง)
ในการทำงานของเครื่องยนต์มีการเสียดสีของชิ้นส่วนก็ต้องเกิดความร้อนอยู่แล้วบวกกับอุณหภูมิภายนอกเข้าไปอีกยิ่งร้อนเพิ่ม สำหรับคุณสมบัติของน้ำมันเครื่องจะช่วยหล่อลื่นและและระบายความร้อนของชิ้นส่วนที่มีการเคลื่อนตัวเสียดสีกันเป็นการบรรเทาภาระของเครื่องยนต์ได้มากทีเดียว การตรวจเช็คระดับน้ำมันเครื่องให้อยู่ในระดับ และการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องอย่างสม่ำเสมอ ตามที่คู่มือได้แนะนำก็จำเป็นเช่นกัน ทั้งหมดนี้จะช่วยรักษาสภาพของเครื่องยนต์และช่วยทำให้อารมณ์ของเครื่องยนต์เย็นลงด้วยครับ
- ระบบปรับอากาศ
อากาศยิ่งร้อนมากไม่เปิดแอร์คงเป็นไปไม่ได้ แต่เคยตรวจเช็คระบบแอร์หรือล้างแอร์บ้างหรือไม่ เพราะถึงเวลาใช้งานหนักๆเข้าในช่วงที่อากาศร้อนสุด เกิดปัญหาตู้ตัน ตู้รั่ว ก็คงลำบากไม่น้อย เรื่องแอร์ถ้าให้เช็คก็คงเช็คได้แค่เบื้องต้น เช่น ความแรงของพัดลมโบลเวอร์ เสียงการทำงานของพัดลมมันอื้ออึงไปหรือไม่(ถ้าตู้แอร์ตันเสียงจะดังอื้อๆแต่ลมออกไม่แรง) พัดลมระบายความร้อนแผงคอนเดนเซอร์ทำงานหรือไม่ ที่เหลือจำพวกน้ำยาแอร์หรือระบบไฟฟ้าคงต้องให้ช่างเค้าช่วยเช็คน่ะครับ
- แบตเตอรี่
แบตเตอรี่รถยนต์ตำแหน่งที่ตั้งของแบตเตอรี่ทั่วๆไปก็อยู่ในห้องเครื่องอยากที่กล่าวมาแรกๆ อุณหภูมิการทำงานของเครื่องยนต์ย่อมสูงมาก อุณหภูมิในห้องเครื่องก็สูงเช่นกัน ในตัวแบตเตอรี่ก็มีน้ำกรดอยู่และมีการระเหยจากการชาร์จกระแสอยู่แล้วมาบวกกับความร้อนในห้องเครื่องยนต์เข้าไปอีกยิ่งเป็นการเร่งการระเหยให้มากยิ่งขึ้นไปอีก มีโอกาสที่จะทำให้น้ำกลั่นแบตเตอรี่แห้งเร็วกว่าปกติ ฉะนั้นการเช็คระดับน้ำกลั่นในแบตเตอรี่จึงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ควรจะเช็คให้บ่อยกว่าปกติ ยิ่งในรถที่มีการใช้งานในการจราจรหนาแน่น,ติดขัดเป็นเวลานาน 2-3 วันเช็คทีก็ลดความเสี่ยงที่จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมและสตาร์ทไม่ติดได้
และอีกอย่างที่สำคัญต่อสุขภาพ คือ
ขึ้นรถ…อย่าเพิ่งรีบเปิดแอร์
เวลาขึ้นรถหลังจากจอดรถตากแดด อย่าเพิ่งรีบเปิดแอร์ เพราะในขณะที่จอดรถตากแดดร้อนอุณหภูมิในรถจะสูงอุปกรณ์พลาสติกที่อยู่ในรถ หรือบางคันมีพระเครื่องวางไว้ในรถด้วยถึงกับละลายเลยก็มี เมื่อพลาสติกโดนความร้อนสะสมมากเข้า ก็จะปล่อยสารเคมีออกมาซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพถ้ามีการสูดดมเข้าไปหรือบางครั้งเข้าไปในรถจะรู้สึกแสบตา ดังนั้นเมื่อขึ้นรถอย่าเพิ่งรีบเปิดแอร์ให้เปิดหรือลดกระจกลงให้ความร้อนและสารเคมีได้ระบายออกไปก่อนอย่างน้อยซัก 1-2 นาที เพื่อสุขภาพของผู้ขับขี่และผู้โดยสารในรถครับ
จากที่แนะนำกันมา ในเรื่องการตรวจสอบและบำรุงรักษานั้น บางท่านถึงจะทำกันอยู่เป็นประจำ แต่ก็เพราะอุณหภูมิบ้านเราที่ร้อนจนถึงร้อนมากๆ อาจทำให้อุปกรณ์บางตัวเกิดชำรุด เสียหายก่อนเวลาอันควรได้ ดังนั้นในช่วงหน้าร้อนการเพิ่มความถี่ในการตรวจเช็ค และหมั่นสังเกตสิ่งผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างใช้งาน เช่น ไฟเตือนต่างๆ เข็มความร้อน เพื่อจะได้ป้องกันหรือแก้ปัญหาได้ก่อนเกิดความเสียหาย และใช้รถได้อย่างสบายใจปลอดภัยถึงที่หมายได้ไม่กัวลครับ… ด้วยความห่วงใย/ ช่างเค
ข้อมูลจาก ช่างเค
http://www.kmotors.co.th/talk-with-guru/toyota-on-summer/