ผ่านมาก่อนเข้าสู่ช่วงฤดูฝน อธิบดีกรมชลประทานได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบและติดตามสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำทั่วประเทศ โดยอ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้น จังหวัดสกลนคร
วันนี้ (31 กรกฎาคม 2560) นายสัญชัย เกตุวรชัย อธิบดีกรมชลประทาน กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ชี้แจงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงการปล่อยปละละเลยอ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้น จังหวัดสกลนคร จนมีการกักเก็บและสะสมปริมาณน้ำในอ่างไว้เป็นปริมาณมาก และทำให้อ่างฯ เกิดการแตกร้าวยาวกว่า 20 เมตร ทำให้น้ำจำนวนมากไหลลงสู่ด้านท้าย เข้าท่วมพื้นที่ชุมชน ต.ขมิ้น และ ต.พังขว้าง จนทำให้ประชาชนได้รับความเสียหายจำนวนมาก ว่า เป็นเพียงการกัดเซาะสันเขื่อนลึกประมาณ 4 เมตรยาว 20 เมตร และยืนยันว่าจากการสำรวจอ่างเก็บน้ำ และอ่างเก็บน้ำดังกล่าว ไม่มีการแตกร้าวแต่อย่างใด ทุกอ่างยังมีความมั่นคงแข็งแรงดี ซึ่งการให้ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณชนดังกล่าวเป็นกลวิธีสร้างการบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ยังผลให้เกิดความเสียหายเพิ่มมากขึ้น เพราะประชาชนไม่สามารถป้องกันแก้ไขสถานการณ์น้ำท่วมอย่างฉับพลันได้
ที่ผ่านมาก่อนเข้าสู่ช่วงฤดูฝน อธิบดีกรมชลประทานได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบและติดตามสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำทั่วประเทศ โดยอ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้น จังหวัดสกลนคร มีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำก่อนเข้าสู่ฤดูฝนเพียงร้อยละ 60 หรือประมาณ 1.40 ล้านลูกบาศก์เมตรเท่านั้น จากความจุอ่างเก็บน้ำ 2.40 ล้านลูกบาศก์เมตร
เมื่อเข้าสู่ฤดูฝน โครงการชลประทานสกลนครได้ดำเนินการตามนโยบายของอธิบดีกรมชลประทาน โดยดำเนินการพร่องน้ำในอ่างเก็บน้ำเพื่อรองรับปริมาณฝนที่ตก แต่เนื่องจากมีฝนตกชุกมากในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้นเป็นจำนวนมาก จนทำให้มีน้ำเต็มอ่างเก็บน้ำในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ซึ่งกรมชลประทานยังคงดำเนินการเร่งระบายน้ำออกจากอ่างเก็บน้ำ ผ่านทางคลองส่งน้ำฝั่งซ้ายและฝั่งขวาซึ่งมีศักยภาพสามารถระบายได้สูงสุดเพียงวันละ 80,000 ลูกบาศก์เมตร แต่เนื่องจากมีปริมาณฝนตกในพื้นที่ด้านท้ายอ่างเก็บน้ำเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ไม่สามารถระบายน้ำผ่านทางคลองส่งน้ำได้เต็มศักยภาพเพราะจะทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ด้านท้ายอ่างเก็บน้ำจึงทำให้เหลือศักยภาพในการระบายน้ำออกจากอ่างเก็บน้ำได้เพียงวันละประมาณ 24,000 ลูกบาศก์เมตรเท่านั้น
ต่อมา ในช่วงวันที่ 17 กรกฎาคม 60 พื้นที่บริเวณดังกล่าวได้รับอิทธิพลจากพายุโซนร้อน “ตาลัส” ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักอีกครั้ง ทำให้มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้นเพิ่มมากขึ้น
แม้ว่าจะมีการพร่องน้ำอย่างต่อเนื่องก็ตาม แต่ด้วยศักยภาพของอ่างเก็บน้ำที่เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กสามารถเก็บกักน้ำได้เพียง 2.40 ล้านลูกบาศก์เมตร จึงทำให้มีน้ำเต็มอ่างเก็บน้ำอย่างรวดเร็ว ต่อมายังได้รับอิทธิพลจากหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง ที่อ่อนกำลังลงจากพายุโซนร้อน “เซินกา”ทำให้เกิดฝนตกหนักลงมาซ้ำเติมอีก ซึ่งโครงการชลประทานสกลนครได้ออกประกาศแจ้งเตือนภัยและเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2560 และได้ประสานงานใกล้ชิดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอด หลังจากนั้น ได้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม 2560 เป็นต้นมา วัดปริมาณฝนสะสมได้มากถึง 245 มิลลิเมตร ในช่วงระยะเวลาเพียง 20 ชั่วโมง จึงทำให้มีน้ำไหลหลากจากตอนบนลงสู่อ่างเก็บน้ำมากถึง 3.75 ล้านลูกบาศก์เมตร จึงเกิดน้ำเอ่อล้นข้ามทำนบดิน และเกิดการกัดเซาะบริเวณสันเขื่อนขึ้น
อย่างไรก็ตาม กรมชลประทาน โดยสำนักงานชลประทานที่ 5 และโครงการชลประทานสกลนครได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ของกรมชลประทาน ที่ประจำอยู่ที่อ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้นว่า จากปริมาณฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเป็นจำนวนมาก จนทำให้เกิดนำไหลล้นสันเขื่อน จากการตรวจสอบในเบื้องต้นด้วยสายตาพบว่ามีการกัดเซาะบริเวณสันเขื่อนลึกประมาณ 4 เมตร กว้าง 20 เมตร จากความยาวสันเขื่อน 1,300 เมตร เมื่อได้รับแจ้งเหตุจึงได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ที่เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยเขื่อนดินทางเข้าไปในพื้นที่ แต่เนื่องจากมีน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้าง จึงไม่สามารถเดินทางเข้าไปในพื้นที่อ่างเก็บน้ำได้
เมื่อระดับน้ำท่วมได้ลดลง สามารถสัญจรได้แล้ว เจ้าหน้าที่จึงได้ดำเนินการตรวจสอบความเสียหายอย่างละเอียด พบว่า ทำนบดินที่ถูกกัดเซาะมีความเสียหายเพิ่มขึ้น ปริมาณน้ำในอ่างฯคงเหลืออยู่ในอ่างจำนวนหนึ่ง ภายหลังจากการเกิดเหตุกรมชลประทานได้นำเสนอข้อมูลข่าวสารผ่านทางสื่อมวลชนและช่องทางประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องเป็นลำดับตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และจากผลการตรวจสอบของผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยเขื่อนพบว่า สามารถรองรับน้ำได้ตามศักยภาพปัจจุบัน พร้อมกันนั้นได้จัดส่งเครื่องจักรเครื่องมือ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปซ่อมแซมจุดที่เสียหายตั้งแต่วันนี้ (29 ก.ค. 60) โดยจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 20 วัน
สำหรับปริมาณน้ำที่ไหลลงมาจากอ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้นนั้น จะไม่ไหลผ่านลงสู่ตัวเมืองสกลนคร แต่จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือไหลลงสู่คลองน้ำอูน ประมาณ 40 เปอร์เซนต์ และไหลลงสู่หนองหารประมาณ 60 เปอร์เซนต์ ซึ่งปริมาณน้ำที่ไหลลงหนองหาร ไม่ได้ทำให้เกิดภาวะน้ำท่วมในตัวเมืองสกลนครโดยตรง แต่จะทำให้ระดับน้ำในหนองหารเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้น้ำจากในเขตเทศบาลเมืองสกลนครระบายได้ยากขึ้นเท่านั้น ซึ่งกรมชลประทานติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำรวมจำนวน 26 เครื่อง โดยขณะนี้ติดตั้งแล้วจำนวน 4 เครื่องที่ประตูระบายน้ำธรณิศนฤมิต จังหวัดนครพนม และจะทยอยติดตั้งอีก 22 เครื่อง เพื่อช่วยเร่งระบายน้ำจากลำน้ำก่ำระบายลงสู่แม่น้ำโขงตามลำดับต่อไป
----------------------------------------------
ที่มา
http://www.thaigov.go.th/news/contents/details/5579