1.
ขอบเขตความครอบคลุม ผู้มีสิทธิเป็นสมาชิก กอช. จะต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย ซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้วแต่มีอายุไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์ และไม่เป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการกรุงเทพมหานคร กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น กองทุนประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน หรือสมาชิกกองทุนอื่นหรืออยู่ในระบบบำนาญอื่นตามที่จะกำหนดกฎกระทรวง
2.
การสมัครเป็นสมาชิกให้แสดงความจำนงพร้อมกับจ่ายเงินสะสมเข้ากองทุน
3.
การจ่ายเงินเข้ากองทุนมาจาก 2 ฝ่าย คือ ผู้ออมจ่ายสะสม และรัฐจ่ายสมทบ โดยมีอัตราดังนี้
1) สมาชิกที่บรรลุนิติภาวะ แต่ไม่เกิน 30 ปี ได้รับเงินสมทบร้อยละ 50 ของเงินที่สะสมเข้ากองทุนในแต่ละเดือน แต่ไม่เกินปีละ 600 บาท
2) สมาชิกที่อายุมากกว่า 30 ปี แต่ไม่เกิน 50 ปี ได้รับเงินสมทบร้อยละ 80 ของเงินที่สะสมเข้ากองทุนในแต่ละเดือน แต่ไม่เกินปีละ 960 บาท
3) สมาชิกที่อายุมากกว่า 50 ปี แต่ไม่เกิน 60 ปี ได้รับเงินสมทบร้อยละ 100 ของเงินที่สะสมเข้ากองทุนในแต่ละเดือน แต่ไม่เกินปีละ 1,200 บาท
4.
การสิ้นสมาชิกภาพ สมาชิกสิ้นสมาชิกภาพเมื่ออายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ ตาย หรือลาออกจากกองทุน
5.
การจ่ายเงินให้แก่สมาชิก
5.1 กรณีที่สมาชิกสิ้นสมาชิกภาพเพราะอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ ให้สมาชิกมีสิทธิได้รับบำนาญจากเงินสะสม เงินสมทบ และผลประโยชน์จากเงินดังกล่าว ไปตลอดอายุขัย และคืนเงินให้กับผู้มีสิทธิรับผลประโยชน์ หากยังมีเงินคงเหลืออยู่ในบัญชีของสมาชิกผู้นั้น
5.2 กรณีที่สมาชิกทุพพลภาพก่อนอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ สมาชิกจะขอรับเงินสะสมและผลประโยชน์ของเงินสะสมทั้งหมดหรือบางส่วนจากกองทุนก็ได้ โดยให้ขอรับได้เพียงครั้งเดียว ส่วนเงินสมทบและผลประโยชน์ของเงินสมทบจะจ่ายเป็นบำนาญให้สมาชิกเมื่ออายุครบ 60 ปี ซึ่งในกรณีที่สมาชิกคงเงินไว้ในกองทุนทั้งหมดหรือบางส่วน จะนำเงินที่คงไว้นี้มาคำนวณจ่ายบำนาญด้วย
5.3 กรณีที่สมาชิกสิ้นสมาชิกภาพเพราะลาออกจากกองทุน ให้สมาชิกมีสิทธิได้รับเงินสะสมและผลประโยชน์ของเงินสะสมจากกองทุน ส่วนเงินสมทบและผลประโยชน์ของเงินสมทบให้ตกเป็นของกองทุน
6.
การคงเงินไว้ในกองทุน
กรณีที่สมาชิกเปลี่ยนงานและทำให้สมาชิกได้รับความคุ้มครองหรือหลักประกันทางรายได้เพื่อการชราภาพตามกฎหมายอื่นที่มีรัฐหรือนายจ้างจ่ายสมทบเข้ากองทุน หรืออยู่ในระบบบำนาญใดๆ ให้สมาชิกคงเงินไว้ในกองทุน และคงการเป็นสมาชิกต่อไป โดยไม่ต้องจ่ายเงินสะสมเข้ากองทุน และรัฐไม่ต้องจ่ายเงินสมทบให้
6.1 รัฐบาลจะรับประกันให้สมาชิกได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจากการนำเงินสะสมและ เงินสมทบไปลงทุนไม่น้อยกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำประเภท 12 เดือนโดยเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์แห่งใหญ่ 5 แห่ง ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร โดยจะคำนวณเปรียบเทียบผลตอบแทนที่ได้รับกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำดังกล่าวในวันที่สมาชิกสิ้นสมาชิกภาพเพราะอายุครบ 60 ปี หรือเสียชีวิต
หมวดการบริหารจัดการกองทุน
6.2 การหาประโยชน์ของกองทุนเป็นให้ไปตามนโยบายของคณะกรรมการ กอช. และจะมอบหมายให้สถาบันการเงินหรือนิติบุคคลอื่นที่มีความเชี่ยวชาญดำเนินการแทนตามความเหมาะสมก็ได้ โดยให้คำนึงถึงการกระจายความเสี่ยงด้วย
7.
กองทุนหรือผู้จัดการกองทุนที่ได้รับมอบหมายจะต้องลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูงไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60
หมวด การเงิน การบัญชี และการตรวจสอบ
8.
กองทุนจะต้องจัดให้มีระบบบัญชีที่เหมาะสมเพื่อบันทึกรายการทางบัญชี และแสดงผลการดำเนินงานและฐานะการเงินของกองทุนโดยถูกต้องตามมาตรฐานการบัญชี และต้องมีการตรวจสอบภายในเป็นประจำ
9.
ให้กองทุนจัดให้มีบัญชี 3 บัญชี คือ บัญชีเงินรายบุคคล บัญชีเงินบำนาญ และบัญชีเงินกองกลาง
10. ด
อกผลที่ได้จากการนำเงินของกองทุนในแต่ละบัญชีไปลงทุนหาผลประโยชน์เมื่อได้หักไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของกองทุนตามอัตราที่คณะกรรมการ กอช. กำหนดแล้ว ให้จัดสรรเข้าแต่ละบัญชีตามสัดส่วนของเงินที่นำไปลงทุน
11.
ให้กองทุนแจ้งยอดเงินสะสม เงินสมทบ พร้อมทั้งผลประโยชน์ตอบแทนของเงินดังกล่าวในส่วนของสมาชิกแต่ละคนให้สมาชิกทราบอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
12.
ให้กองทุนยื่นรายงานแสดงการจัดการกองทุนต่อรัฐมนตรีอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง และจัดทำรายงานผลงานประจำปีเสนอต่อรัฐมนตรีภายใน 120 วันนับจากวันสิ้นปีบัญชี ซึ่งต้องแสดงประมาณการการเงินที่ต้องขอให้รัฐบาลจัดสรรให้เพื่อการดำเนินงานของกองทุนในระยะเวลา 3 ปีนับจากวันเสนอรายงานให้กองทุนจัดทำงบการเงินเสนอผู้สอบบัญชีภายใน 120 วันนับแต่วันสิ้นปีบัญชี โดยให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้สอบบัญชีของกองทุน ซึ่งต้องรายงานการสอบบัญชีเสนอต่อรัฐมนตรีภายใน 150 วันนับแต่วันสิ้นปีบัญชี และรัฐมนตรีประกาศงบการเงินที่ผู้สอบบัญชีได้ตรวจสอบแล้วและรายงานผลการตรวจสอบในราชกิจจานุเบกษา
คุณสมบัติของผู้เข้าร่วมเป็นสมาชิก กอช.
1. เป็นบุคคลสัญชาติไทย
2. อายุไม่ต่ำกว่า 15 ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์
3. ไม่เป็นสมาชิกของกองทุนเพื่อการชราภาพใด ๆ ที่มีการสมทบเงินจากรัฐหรือนายจ้าง เช่น
กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการกรุงเทพมหานคร
กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น
กองทุนประกันสังคม (ซึ่งส่งเงินเพื่อได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ)
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
กองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน เป็นต้น
นอกจากนี้ยัง เปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปที่ไม่อยู่ในระบบบำเหน็จบำนาญใดๆ สามารถออมต่อไปได้อีก 10 ปี โดยมีสิทธิขอรับบำนาญได้เมื่ออายุครบ 60 ปีอีกด้วย
สมัครเป็นสมาชิก กอช. ที่ไหน?
ในช่วงแรก ตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม 2558 เป็นต้นไป ทางกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) จะเปิดรับสมัครสมาชิกเข้ากองทุนฯ ผ่านสาขาธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ 3 แห่งคือ
ธนาคารกรุงไทย
ธนาคารออมสิน
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
http://www.nsf.or.th/