สำนักงานเศรษฐกิจการคลังชี้แจง กรณีโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2561 นายสุวิชญ โรจนวานิช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ชี้แจงกรณีโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ตามที่สื่อมีการนำเสนอข่าวว่าการเปิดให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เข้าลงทะเบียนในมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในวันแรก บรรยากาศไม่คึกคัก โดยมีประชาชนผู้ที่ได้รับสิทธิ์มาลงทะเบียนไม่มากนัก เนื่องจากมีการประชาสัมพันธ์น้อย และประชาชนผู้ที่ได้รับสิทธิ์ยังไม่มีความไม่เข้าใจต่อมาตรการดังกล่าวที่ชัดเจน นั้น
สำนักงานเศรษฐกิจการคลังขอชี้แจงข้อเท็จจริงว่า การรับแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตในวันแรกมีจำนวนผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเข้ามาแจ้งความประสงค์มากพอสมควร โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด แต่อาจเนื่องจากเป็นวันแรกของการแจ้งความประสงค์ และการรับแจ้งความประสงค์มีกำหนดเวลาถึง 1 เดือน ดังนั้น ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐยังมีเวลาอีกหลายวันในการจะไปแจ้งความประสงค์ได้ ทั้งนี้ ในส่วนของการประชาสัมพันธ์ กระทรวงการคลังได้มีการประชาสัมพันธ์มาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตฯ อย่างต่อเนื่องในหลายช่องทาง ได้แก่
1) การจัดประชุมทางไกลผ่านระบบ Video Conference จำนวน 2 ครั้ง โดยปลัดกระทรวงการคลังเป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดด้วยตนเอง ดังนี้
1.1) ประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ณ กระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2561
1.2) ประชุมร่วมกับคณะผู้บริหารการคลังประจำจังหวัดทั่วประเทศ ณ กระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2561
2) การประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อสายเศรษฐกิจประจำกระทรวงการคลัง โดยรองโฆษกกระทรวงการคลังนั่งโต๊ะแถลงข่าว จำนวน 2 ครั้ง พร้อมทั้งแจกเอกสารประกอบการแถลงข่าว (ข่าวกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 3/2561 เรื่อง มาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ลงวันที่ 9 มกราคม 2561 และข่าวกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 19/2561 เรื่อง ความพร้อมของการดำเนินการตามมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ลงวันที่ 31 มกราคม 2561)
3) ประสานกรมประชาสัมพันธ์ทำการประชาสัมพันธ์ผ่านสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) สื่อสังคมออนไลน์ เว็บไซต์ เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2561
4) การให้สัมภาษณ์ของผู้บริหารกระทรวงการคลัง และสำนักงานเศรษฐกิจการคลังผ่านสื่อโทรทัศน์ วิทยุ และสิ่งพิมพ์
5) การประชาสัมพันธ์ผ่านหน่วยงานของกระทรวงการคลังในพื้นที่
6) การประชาสัมพันธ์ในพื้นที่โดยผ่านธนาคารเฉพาะกิจที่มีความใกล้ชิดกับประชาชนในพื้นที่
นอกจากนี้ ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐบางส่วนมาติดต่อ ณ จุดรับแจ้งความประสงค์แล้ว แต่เมื่อทราบเงื่อนไขในการได้รับเงินเพิ่มเติมเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐว่า จะต้องเข้าร่วมโครงการพัฒนาตนเองด้วย ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐก็ไม่ประสงค์จะพัฒนาตนเองและไม่เข้าร่วมโครงการ ทั้งนี้ เงื่อนไขในการได้รับการเติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คือ เป็นผู้เข้าร่วมมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตฯ และปฏิบัติตามแผนการพัฒนาคุณภาพชีวิตรายบุคคล โดยจะได้รับการเติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ดังนี้
1) ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทในปี 2559 จะได้รับวงเงินเพิ่มเติมจำนวน 200 บาท/คน/เดือน
2) ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีรายได้สูงกว่า 30,000 บาทในปี 2559 จะได้รับวงเงินเพิ่มเติมจำนวน 100 บาท/คน/เดือน
ส่วนกรณีที่ผู้ใช้สื่อโซเชียลมีเดียส่วนหนึ่ง มีการตั้งคำถามและยังคงสับสนต่อมาตรการดังกล่าว ว่าข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร อาทิ ผู้ที่ได้รับสิทธิ์ในรอบแรกจะต้องไปลงทะเบียนซ้ำหรือไม่ หากไม่ลงทะเบียนซ้ำจะถูกตัดสิทธิ์เดิมหรือไม่ ผู้ที่เคยลงทะเบียนที่ ธ.กรุงไทย หากเข้าร่วมครั้งนี้ต้องไปลงทะเบียนสถานที่ใด เนื่องจากรัฐระบุว่าให้ไปลงทะเบียนยังสถานที่เดิมแต่ครั้งนี้ ธ.กรุงไทย ไม่ได้เข้าร่วม นั้น
ขอชี้แจงข้อเท็จจริงว่า
1) การแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตฯ ในครั้งนี้ เป็นลักษณะของการแจ้งความประสงค์
ไม่ใช่การลงทะเบียนใหม่ ซึ่งผู้ที่มีสิทธิมาแจ้งความประสงค์ได้ คือ ผู้ที่ผ่านเกณฑ์การตรวจสอบการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2560 ซึ่งมีจำนวนประมาณ 11.4 ล้านคน ซึ่งก็คือผู้ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอยู่แล้วในปัจจุบัน โดยผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐทุกคนมีสิทธิเลือกที่จะเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วมมาตรการก็ได้ โดยจะไม่มีผลต่อสิทธิเดิมที่ได้รับอยู่แล้วในปัจจุบัน
2) การรับแจ้งความประสงค์ในครั้งนี้ กำหนดให้นายอำเภอ/ผู้อำนวยการเขต เป็นผู้กำหนดสถานที่ในการรับแจ้งความประสงค์ ซึ่งสถานที่รับแจ้งความประสงค์หลัก คือ
ที่ว่าการอำเภอ/สำนักงานเขต สาขาของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และสาขาของธนาคารออมสินในอำเภอ/เขตนั้น โดยผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะต้องไปแจ้งความประสงค์ ณ “ที่อยู่ปัจจุบัน” ที่เคยแจ้งไว้เมื่อคราวลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2560
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะกำชับหน่วยงานรับแจ้งความประสงค์ในแต่ละพื้นที่ให้สื่อสารและทำความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับประชาชนและผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้มากขึ้น
---------------------------