นายกรัฐมนตรี ชี้แจงเพิ่มบทลงโทษข้าราชการทุจริตมากขึ้น
เร่งรัดการสอบสวนแล้วเสร็จภายใน 30 วัน ห้ามเลื่อนตำแหน่ง 3 ปี
วันนี้ (27 มีนาคม 2561) เวลา 14.15 น. ณ บริเวณห้องโถง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการประชุมร่วมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ว่า ได้ให้แนวทางการพิจารณาบทลงโทษการทุจริตให้เข้มงวดมากขึ้น หากมีข้อร้องเรียนการทุจริตจากทางต้นสังกัด
จะต้องดำเนินการตรวจสอบขั้นต้นให้ได้ภายใน 7 วัน และดำเนินการตรวจสอบให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน หากมีมูลความผิดสร้างความเสียหายให้กับราชการจะต้องมีการปรับย้ายออกจากตำแหน่ง
ในกรณีมีความผิดร้ายแรงให้ย้ายมาปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักนายกรัฐมนตรี และหากตรวจสอบพบว่ามีความผิดจริงจะต้องดำเนินการเอาผิดทั้งทางวินัย คดีอาญาและคดีแพ่ง แต่หากตรวจสอบแล้วพบว่าบทลงโทษไม่ถึงขั้นไล่ออก กำหนดให้ห้ามปรับย้ายสู่ตำแหน่งสูงขึ้นเป็นเวลา 3 ปี ทั้งนี้ใช้เป็นแนวทางปฏิบัติเดียวกัน ทั้งข้าราชการตำรวจ ทหาร ข้าราชการพลเรือน และรัฐวิสาหกิจ รวมถึงการพิจารณาลงโทษข้าราชการที่ไม่ปฎิบัติงานตามนโยบายรัฐบาลหรือทำงานไม่มีประสิทธิภาพ การแก้ปัญหาข้าราชการเกียร์ว่างด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า กรณีการตรวจสอบพบการทุจริตเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต ขอยืนยันว่ารัฐบาลไม่ใช้ ม. 44 ในการแก้ปัญหา เพราะมีขั้นตอนกระบวนการตรวจสอบตามกฎหมายปกติอยู่แล้ว แต่เพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น ส่วนจะมีผู้ร่วมกระบวนการบุคคลอื่นใดหรือไม่นั้นตอนนี้ยังไม่พบข้อมูล และแม้ว่าข้าราชการที่โดนไล่ออกยืนยันว่าการกระทำทุจริตดังกล่าวดำเนินการเพียงคนเดียวก็ตาม การตรวจสอบขยายผลไปยังบุคคลอื่นยังคงอยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกำลังดำเนินการ หากมีใครเข้าเกี่ยวข้องก็จะดำเนินการทางวินัยต่อไป อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบมีทั้งในองค์กรและนอกองค์กร ขอเน้นย้ำรัฐบาลจะใช้บทลงโทษข้าราชการที่เข้มข้นขึ้น โดยได้มีคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจ 14 นายที่อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ย้ายมาประจำที่สำนักนายกรัฐมนตรี เป็นต้น
--------------------------------------------