กระทรวงการคลังและสำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการเชิงรุกร่วมกันในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างบูรณาการและยั่งยืนของรัฐบาล
นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังและสำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการเชิงรุกร่วมกันในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างบูรณาการและยั่งยืนของรัฐบาล
เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2561 นายบุญชัย จรัสแสงสมบูรณ์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้ร่วมการประชุมติดตามผลการปรามปรามเงินกู้นอกระบบ ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีพลตำรวจเอก เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุม ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบผู้มีพฤติการณ์เข้าข่ายกระทำความผิดกฎหมายหนี้นอกระบบ จำนวน 762 ราย ตามที่กระทรวงการคลังได้รับจากกระทรวงมหาดไทย ซึ่งขณะนี้ทุกหน่วยในพื้นที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่ระหว่างเร่งดำเนินการตรวจสอบในเชิงลึกเพื่อดำเนินการตามกฎหมายพร้อมทั้งจะรายงานผลการดำเนินงานให้กระทรวงการคลังทราบต่อไป ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สั่งการให้ผู้ปฏิบัติงานทุกระดับดำเนินการกับเจ้าหนี้นอกระบบที่ให้กู้ยืมแบบผิดกฎหมาย โดยให้นำกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับฐานความผิดเกี่ยวกับการปล่อยเงินกู้มาบังคับใช้อย่างเข้มงวด และให้มีการขยายผลไปถึงนายทุนเงินกู้ที่อยู่เบื้องหลังด้วย
ขณะที่การดำเนินการของกระทรวงการคลังได้ยึดแนวทางแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบของรัฐบาล เพื่อให้การแก้ปัญหามีความยั่งยืนใน 5 มิติ ได้แก่
(1) ดำเนินการจริงจังกับเจ้าหนี้นอกระบบที่ผิดกฎหมาย
(2) เพิ่มช่องทางการเข้าถึงสินเชื่อในระบบ
(3) ลดภาระหนี้นอกระบบโดยการไกล่เกลี่ย
(4) เพิ่มศักยภาพลูกหนี้นอกระบบ
และ (5) การสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ
พร้อมกันนี้ กระทรวงการคลังได้ขอความร่วมมือสำนักงานตำรวจแห่งชาติสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบแบบครบวงจร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การร่วมผลักดันเจ้าหนี้นอกระบบรายใหญ่ที่มีลูกหนี้จำนวนมากเข้าสู่การไกล่เกลี่ยประนอมหนี้ของคณะอนุกรรมการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้นอกระบบประจำจังหวัด และขอความร่วมมือในการประชาสัมพันธ์เชิญชวนเจ้าหนี้นอกระบบให้หันมาดำเนินธุรกิจสินเชื่อในระบบให้เป็นไปตามกฎหมายด้วยการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ หรือ “สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์” ให้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นแหล่งเงินกู้ทางเลือกที่สำคัญของประชาชน นอกจากนี้ หากพบว่า ผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ที่ได้รับใบอนุญาตมีการปล่อยเงินกู้นอกระบบที่ผิดกฎหมายขอให้ตำรวจดำเนินการทางกฎหมายและแจ้งมายัง สศค. เพื่อพิจารณาบทลงโทษหรือเพิกถอนใบอนุญาตต่อไป ทั้งนี้ ประชาชนผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลและรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ที่เปิดดำเนินการได้ทางเว็บไซต์
www.1359.go.th และสามารถร้องเรียนหรือแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับสินเชื่อนอกระบบได้โดยตรงที่สายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1135 หรือขอคำแนะนำได้ที่ สายด่วน 1359
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โทรศัพท์สายด่วน 1359