พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้กล่าวกับประชาชนผ่านรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ในวันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม 2561 เวลา 20.15 น.
เนื่องในโอกาสเข้าสู่เดือนรอมฎอน ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช 1439 นายกรัฐมนตรีขอส่งความปราถนาดีไปถึงพี่น้องชาวไทยมุสลิมทุกคน พร้อมได้เน้นย้ำในการสนับสนุนคำแนะนำของคณะกรรมการอิสลามในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในการร่วมกันถือศีลอดด้วยความศรัทธาและการปฏิบัติตามแบบอย่างของศาสดาและปฏิบัติศาสนกิจต่าง ๆ ตามหลักศาสนาอย่างเคร่งครัด รวมถึงแนวทางการ ลด ละ เลิก สิ่งเสพติดที่เป็นโทษ อบายมุขทั้งปวง ตลอดทั้งเดือนรอมฎอน เพื่อให้การปฏิบัติศาสนกิจในห้วงเดือนรอมฏอนเกิดความสงบสุข ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี และคำนึงถึงประโยชน์ของผู้อื่น โดยขอให้ทุกคนนำหลักคำสอนของศาสนาไปปรับใช้ในชีวิต และร่วมมือกันเดินหน้าพัฒนาประเทศ
ทั้งนี้
การเดินหน้าปฏิรูปประเทศอยู่ในปัจจุบัน เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาปากท้องเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน โดยการผลักดันกฎหมาย มาตรการ และโครงการต่าง ๆ รวมถึงการเพิ่มศักยภาพของลูกหนี้ พร้อมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโดยให้ความรู้ทางการเงิน รวมถึงการทำบัญชีครัวเรือน เพื่อช่วยเหลือประชาชนระดับฐานราก พร้อมทั้งการจัดตั้งสถาบันการเงินในชุมชนของตนเอง ตลอดจนการบริหารทรัพยากรป่าไม้ ที่ดิน และน้ำ ซึ่งปัจจุบันประเทศไทย มีพื้นที่ป่าเหลือเพียง 102 ล้านไร่ หรือร้อยละ 32 ของพื้นที่ประเทศ อีกทั้งมีการเพิ่มพื้นที่ป่าไม้ให้ได้ร้อยละ 40 ควบคู่ไปกับการจัดที่ดินประกอบอาชีพให้แก่ชุมชนเพื่อให้คนอยู่กับป่าได้อย่างยั่งยืน รวมทั้งการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการ ตามนโยบายแผนยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี (พ.ศ.2560 – 2579) เพื่อสร้างความมั่นคงด้านทรัพยากรน้ำและการรักษาสมดุลทางธรรมชาติของประเทศ พร้อมกันนี้ มีการยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชนริมคลองลาดพร้าว มีเป้าหมาย 50 ชุมชน จำนวน 7 พันกว่าครัวเรือน ซึ่งมีความคืบหน้าไปแล้วร้อยละ 30 สำหรับ การสร้างบ้านมั่นคง ให้เป็นที่อยู่แห่งใหม่ของชุมชน ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาการบุกรุกคูคลองสาธารณะและแก้ปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ชุมชนได้อย่างยั่งยืน
สำหรับการป้องกันการทุจริตและสร้างหลักธรรมาภิบาลในการบริหารราชการแผ่นดิน โดยการผลักดันให้นำ 2 มาตรการสำคัญ คือ ความโปร่งใสในโครงการก่อสร้างภาครัฐ หรือระบบ CoST (Construction Sector Transparency Initiative) กับ ข้อตกลงคุณธรรม หรือ IP (Integrity Pact) ซึ่งเน้นการเปิดเผยข้อมูลกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง และโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของภาครัฐ ทั้งนี้ ได้จัดทำแอปพลิเคชั่นบนมือถือ ชื่อว่า “ภาษีไปไหน” โดยเปิดบริการให้ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างในโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐ เพื่อการบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปด้วยความโปร่งใส และเกิดประโยชน์ต่อประเทศสูงสุดอย่างเป็นรูปธรรม และเป็นไปตามนโยบาย Thailand 4.0 และระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งส่งเสริมการพัฒนาใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายอย่างเป็นระบบ เพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รวมทั้งดูแลในเรื่องความมั่นคงชายแดน พร้อมหลักการที่เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ทำให้คนไทยมีความเข้มแข็งด้วยตนเอง สามารถพัฒนาตนเอง และมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศต่อไปอีกด้วย
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวถึงบทกลอนที่สะท้อน “เสียงจากรัฐบาลและ คสช.” ดังนี้
ถึงวันนี้ยังมีหลายความคิดเห็น ว่าจำเป็นไม่จำเป็นให้หวนหา
ประชาธิปไตยนักเลือกตั้งที่ผ่านมา ล้วนกล่าวว่าทำวันนี้ดีไม่พอ
อาจไม่ดีในสายตาของพวกเขา ทำแบบเรายั่งยืนหลาย พ.ศ.
ให้เปล่าเปล่าตามใจเท่าไรพอ ตั้งตารอไม่เรียนรู้พัฒนา
เพียงเริ่มต้นเคารพข้อกฎหมาย ไม่บานปลายขัดแย้งแจ้งข้อหา
กี่ชีวิตทรัพย์สินสูญสิ้นมา เพื่อวันหน้าไม่มีแม้สักคน
ขอคนไทยทบทวนเฝ้าหวนคิด แล้วตั้งจิตพัฒนาหาเหตุผล
เกิดความสุขถ้วนทั่วทุกตัวตน อย่าให้คนมองแค่เปลือกเลือกตั้งมา
................................................
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก