คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. มาตรการชดเชยเงินให้แก่ผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐโดยใช้
ข้อมูลจากจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้มีรายได้น้อยได้ชำระจากราคาสินค้าอุปโภคและบริโภคฯ โดยไม่รวมสินค้าและบริการที่มีภาษีสรรพสามิต สำหรับการชำระราคาสินค้าและบริการจากร้านธงฟ้า ประชารัฐหรือร้านค้าเอกชนอื่นที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ผ่านเครื่อง EDC ที่มีการเชื่อมต่อระบบ POS โดยร้านค้าดังกล่าวต้องส่งข้อมูลให้แก่กรมบัญชีกลางผ่านระบบที่ บมจ. ธนาคารกรุงไทย พัฒนารองรับการทำงานนี้ แต่ข้อมูลจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้มีรายได้น้อยได้ชำระผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
ซึ่งจะได้รับเงินชดเชยจะต้องเป็นข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 – 30 เมษายน 2562 เท่านั้น
2. ให้กรมบัญชีกลางดำเนินการจ่ายเงินชดเชยดังกล่าว โดยใช้ข้อมูลจากจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้มีรายได้น้อยได้ชำระ เพื่อนำมาประมวลผลคัดแยกจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่ม ร้อยละ 7 ออกจากราคาสินค้าและบริการที่ผู้มีรายได้น้อยได้ชำระผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไปจริงในแต่ละเดือน โดยกันไว้ร้อยละ 1 ซึ่งเป็นภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้มีรายได้น้อยได้ชำระราคาสินค้าและบริการผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแล้ว ส่วนที่เหลือร้อยละ 6 ให้นำมาจำแนกข้อมูลออกเป็น 2 ส่วน คือ
ส่วนที่ 1 ร้อยละ 5 เพื่อการใช้จ่าย และส่วนที่ 2 ร้อยละ 1 เพื่อการออม โดยเงินชดเชยที่ผู้มีรายได้น้อยจะได้รับทั้ง 2 ส่วน เมื่อรวมกันแล้ว ต้องไม่เกินจำนวน 500 บาทต่อคนต่อเดือน โดยใช้จ่ายจากเงินกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ทั้งสิ้น จำนวน 5,000 ล้านบาท
3. อนุมัติค่าใช้จ่ายในการติดตั้งระบบ POS สำหรับร้านธงฟ้าประชารัฐกลุ่มเป้าหมาย โดยจัดสรรเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 90 ล้านบาท และมอบหมายให้สำนักงบประมาณเร่งรัดการพิจารณารายละเอียดค่าใช้จ่ายดังกล่าว เพื่อให้กรมบัญชีกลางสามารถดำเนินการจ้าง บมจ. ธนาคารกรุงไทย ได้ทันวันที่ 1 ตุลาคม 2561