ผลการวิจัยสูตรน้ำยาบ้วนปากของโรงพยาบาลน่านพบว่า น้ำยาบ้วนปากสูตรน้ำเกลือผสมผงฟูช่วยลดความรุนแรงของภาวะเยื่อบุช่องปากอักเสบในผู้ป่วยที่ได้รับเคมีบำบัด ทำเองได้ง่าย ราคาประหยัด
ภญ.ปนัฐดา กันทาเศษ เภสัชกรปฏิบัติการ หนึ่งในทีมวิจัยจากโรงพยาบาลน่าน ได้นำเสนอผลงานวิจัยน้ำยาบ้วนปาก 3 สูตร ต่อการเกิดภาวะเยื่อบุช่องปากอักเสบในผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัดในงานประชุมวิชาการกระทรวงสาธารณสุขประจำปี 2561 กล่าวว่า ทีมงานด้านเคมีบำบัด โรงพยาบาลน่านได้ทำการศึกษาและเปรียบเทียบประสิทธิภาพของน้ำยาบ้วนปาก 3 สูตร จากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ป่วยที่รับเคมีบำบัดจำนวน 88 ราย พบว่า น้ำยาบ้วนปากสูตรผสมระหว่างน้ำเกลือและผงฟู มีประสิทธิภาพในการป้องกันการเกิดภาวะเยื่อบุช่องปากอักเสบดีที่สุด มากกว่าสูตรน้ำเกลือ หรือสูตรผงฟูเพียงอย่างเดียว เนื่องจากมีฤทธิ์เป็นด่างอ่อนช่วยลดความเป็นกรดและเพิ่มความชุ่มชื้นภายในปาก ลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง และการติดในเชื้อในช่องปากผู้ป่วยภูมิต่ำ (Neutropenia) จากการได้รับยาเคมีบำบัด
โดยน้ำยาบ้วนปากสูตรผสมระหว่างน้ำเกลือและผงฟู ตัวผู้ป่วยเองหรือญาติสามารถจัดซื้อและเตรียมได้โดยง่าย มีราคาประหยัด อัตราส่วนคือ น้ำต้มสุกที่เย็นแล้ว 240 ซีซี เกลือแกง 1 ช้อนชา ผงฟูสำหรับทำขนมหรือที่เรียกว่าเบคกิ้งโซดา (โซเดียมไบคาร์บอเนต) 1 ช้อนชา ใช้ครั้งละ 60 ซีซี กลั้วปากนาน 2-3 นาที แล้วบ้วนทิ้ง วันละ 4 ครั้ง หลังอาหาร เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน ทำต่อเนื่อง 14 วัน โดยประสิทธิภาพของน้ำยาบ้วนปากชนิดนี้ไม่แตกต่างจากน้ำยาบ้วนปากสูตรผสมระหว่างลิโดเคน ไดเฟนไฮดรามีนและอลูมิเนียมไฮดรอกไซด์ และน้ำยาบ้วนปากคลอร์เฮกซิดีน ซึ่งไม่นิยมใช้ในประเทศไทยเนื่องจากการเตรียมที่ซับซ้อน ราคาค่อนข้างสูง และบางสูตรมีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสม
ทั้งนี้ ภาวะเยื่อบุช่องปากอักเสบ (Mucositis) มักเกิดได้บ่อยภายใน 1-2 สัปดาห์หลังจากได้รับเคมีบำบัด โดยผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บปวดรับประทานอาหารได้ลดลง ส่งผลให้ได้รับอาหารไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายและอาจเป็นสาเหตุของการติดเชื้อได้ จึงจำเป็นต้องรักษาอนามัยในช่องปากอย่างถูกต้องสม่ำเสมอ