มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2562 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ 4 เรื่อง คือ เห็นชอบร่างมาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติ รับทราบสรุปการประชุมรัฐมนตรีศึกษาอาเซียน ครั้งที่ 10 แต่งตั้งที่ปรึกษาด้านมาตรฐานการอาชีวศึกษาธุรกิจและบริการ และแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการจัดตั้งสถาบันไทยโคเซ็น
1. เห็นชอบร่างมาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติ
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ (ร่าง) มาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติ ตามที่คณะกรรมการพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติ (ก.พ.ป.) ได้ให้ความเห็นชอบในหลักการเพื่อประกาศใช้ต่อไป โดยให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2554 เรื่อง (ร่าง) มาตรฐานศูนย์เด็กเล็กแห่งชาติ และให้ใช้มาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติเป็นมาตรฐานกลางของประเทศแทน พร้อมทั้งให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องพิจารณานำมาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติไปใช้เป็นแนวทางในการส่งเสริม สนับสนุนให้สถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแล และรับผิดชอบ มีการบริหารจัดการ การประเมินผลการดำเนินงาน เพื่อยกระดับการพัฒนาให้มีคุณภาพตามมาตรฐานฯ รวมทั้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานและรายงานต่อ ก.พ.ป. เป็นระยะ ๆ หรืออย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
ในส่วนของการบูรณาการทำงานนั้น ให้ ศธ. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข เป็นต้น พิจารณาดำเนินการตามมาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยให้สอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ เมื่อแผนแม่บทดังกล่าวมีผลบังคับใช้แล้ว รวมถึงแผน/ยุทธศาสตร์อื่นที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
สาระสำคัญ (ร่าง) มาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยแห่งชาติ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาคุณภาพการบริการดูแลพัฒนาและจัดการศึกษา และการดำเนินงานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยทุกสังกัดที่ดูแลเด็กในเวลากลางวัน ช่วงอายุตั้งแต่แรกเกิด – 6 ปีบริบูรณ์ หรือก่อนเข้าเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่สามารถนำไปใช้ประเมินการดำเนินงานของสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยในทุกสังกัด ประมาณกว่า 53,335 แห่ง เพื่อพัฒนาคุณภาพการจัดบริการและความต่อเนื่องของการพัฒนาเด็กปฐมวัย โดยกำหนดมาตรฐานย่อย 3 ด้าน คือ 1) ด้านการบริหารจัดการสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย 2) ด้านครู/ผู้ดูแลเด็กให้การดูแลและจัดประสบการณ์การเรียนรู้และการเล่นเพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัย และ 3) ด้านคุณภาพของเด็กปฐมวัย แบ่งเป็นเด็กแรกเกิด – อายุ 2 ปี และเด็กอายุ 3 ปี – อายุ 6 ปี (ก่อนเข้าประถมศึกษาปีที่ 1)
2. รับทราบสรุปการประชุมรัฐมนตรีศึกษาอาเซียน ครั้งที่ 10 และอื่น ๆ
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและอนุมัติ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เสนอ ดังนี้
รับทราบ สรุปสาระสำคัญการประชุมรัฐมนตรีอาเซียน ครั้งที่ 10 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง โดยอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย ร่วมลงนามในกฎบัตรเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียนกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการของประเทศสมาชิกอาเซียนหรือผู้แทนในโอกาสแรก และอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) จัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยร่วมลงนามในกฎบัตรเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียนสำหรับการลงนามดังกล่าว
สำหรับการประชุมรัฐมนตรีศึกษาอาเซียน ครั้งที่ 10 มีวัตถุประสงค์เพื่อพิจารณาความก้าวหน้าการดำเนินงานตามวิสัยทัศน์อาเซียน แผนงาน/โครงการกิจกรรมด้านการศึกษาภายใต้กรอบความร่วมมืออาเซียน อาเซียนบวกสาม สุดยอดเอเชียตะวันออก และความร่วมมืออาเซียนกับประเทศคู่เจรจา และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ตลอดจนให้ข้อคิดเห็นเพื่อการพัฒนาการดำเนินความร่วมมือด้านการศึกษาอันเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาการศึกษาของภูมิภาค รวมทั้งกำหนดแนวทางการดำเนินความร่วมมือระหว่างกันให้สอดรับกับพลวัตการเปลี่ยนแปลง
ทั้งนี้ การประชุมฯ ได้มีการพิจารณารับรองกฎบัตรเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียน แผนปฏิบัติการอาเซียน – จีน เพื่อความร่วมมือด้านการศึกษา พ.ศ. 2560 – 2563 และแผนปฏิบัติการอาเซียนบวกสามด้านการศึกษา พ.ศ. 2561 – 2568 ซึ่งเอกสารทั้งสามฉบับได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2561 แล้ว ตลอดจนรับทราบความก้าวหน้าการดำเนินความร่วมมือเพื่อพัฒนาการศึกษาภายใต้แผนงานการศึกษาอาเซียน พ.ศ. 2559 -2563 รวมทั้งยังมีหัวข้ออื่น ๆ ที่สำคัญ เช่น การจัดกิจกรรมภายใต้ปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านการศึกษาให้แก่เด็กและเยาวชนที่ตกหล่น โดยประเทศไทยรับเป็นเจ้าภาพในโครงการ “การประชาสัมพันธ์การดำเนินการเพื่อสร้างความตระหนักเกี่ยวกับเด็กและเยาวชนที่ตกหล่นและสร้าง commitment ร่วมกันเพื่อให้มีการดำเนินการที่เข้มแข็ง” และการเตรียมการเป็นเจ้าภาพการเป็นประธานอาเซียน ในปี 2562 ของประเทศไทย และมีการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม – 1 พฤศจิกายน 2561 ณ กรุงเนปยีดอ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ดังนี้ (1) การประชุมรัฐมนตรีศึกษาอาเซียนบวกสามครั้งที่ 4 (2) การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านการศึกษาอาเซียนบวกสาม ครั้งที่ 9 (3) การประชุมคณะทำงานอาเซียน – รัสเซียด้านการศึกษา และ (4) การหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและวัฒนธรรมอินโดนีเซียและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการฟิลิปปินส์
3. แต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอแต่งตั้ง นางเจิดฤดี ชินเวโรจน์ ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานการอาชีวศึกษาและวิชาชีพ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาด้านมาตรฐานการอาชีวศึกษาธุรกิจและบริการ (นักวิชาการศึกษาทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม 2561 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
4. แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการจัดตั้งสถาบันไทยโคเซ็น
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการจัดตั้งสถาบันไทยโคเซ็น โดยมีองค์ประกอบ รวม 17 คน ประกอบด้วย นายธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ เป็นประธานกรรมการนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล เป็นรองประธานกรรมการ นายศุภชัย เจียรวนนท์ นายกิตติชัย ไตรรัตนศิริชัย และนายโกศล เพ็ชร์สุวรรณ์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ มีผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นกรรมการและเลขานุการ และมีกรรมการโดยตำแหน่งอีก 11 คน
มีอำนาจหน้าที่ กำหนดนโยบายและทิศทางการดำเนินงานสถาบันไทยโคเซ็น และสนับสนุนนักเรียนนักศึกษาไทยในการไปศึกษาต่อ ณ สถาบันไทยโคเซ็น ประเทศญี่ปุ่น บริหารโครงการจัดตั้งสถาบันไทยโคเซ็นและกำกับดูแลแผนปฏิบัติการและงบประมาณในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้านอุตสาหกรรมของสถาบันการศึกษารูปแบบโคเซ็นในประเทศไทย เป็นต้น
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2562 เป็นต้นไป
Rewriter/Editor บัลลังก์ โรหิตเสถียร