เหตุใด...หัวใจจึงขาดเลือด

9 พ.ย. 2555 เวลา 09:02 | อ่าน 5,179
 
images by free.in.th

ปัจจุบันมักได้ยินคำว่า หัวใจขาดเลือด กันบ่อยๆ ทั้งจากข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์กับการเสียชีวิตของบุคคลสำคัญ อีกทั้งจากคนรอบตัวที่บางรายอาจโชคดีรู้ตัวก่อน รักษาทัน บางรายรู้ตัวเมื่อสายหลังจบชีวิตไปแล้ว

เหตุใด หัวใจจึงขาดเลือด
โรคหัวใจขาดเลือดเป็นกลุ่มอาการที่เกิดจากการมีเลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่เพียงพอต่อความต้องการของหัวใจในขณะนั้น สาเหตุเกิดจากหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจแข็งตัวหรือมีไขมันไปเกาะที่ผนังของหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดแดงตีบแคบลง ส่งผลให้ปริมาณเลือดแดงผ่านได้น้อย จึงเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดได้ และหากหลอดเลือดแดงตีบแคบมากจนอุดตันจะทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตาย ซึ่งหากไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที หรือไม่รีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลโดยเร็วอาจทำให้เสียชีวิตได้ในที่สุด

สัญญาณเตือน!!
สำหรับอาการที่พบบ่อยได้แก่ เจ็บแน่นหน้าอก บริเวณเหนือลิ้นปี่ขึ้นมาเล็กน้อย เจ็บแบบจุกแน่นลักษณะคล้ายมีน้ำหนักกดทับหรือรัดแน่นที่หน้าอก มักเจ็บร้าวไปที่คอ ขากรรไกร หรือไหล่ซ้าย บางรายอาจมีอาการจุกแน่นลิ้นปี่ เหมือนอาหารไม่ย่อย และบางรายอาจมีอาการใจสั่นหอบเหนื่อยร่วม บางคนอาจจะมีอาการร่วมกับหน้ามืด เหงื่อออกมาก เหนื่อยง่าย ออกแรงมากไม่ได้ หรืออาการหอบเหนื่อยก็เป็นอาการที่พบได้บ่อย อาการเหล่านี้ไม่จำเพาะต่อโรคหัวใจ แต่ถ้าหากมีอาการดังกล่าวก็ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยให้แน่ชัด

จะรู้ได้อย่างไรว่ามีโอกาสหัวใจขาดเลือดหรือไม่
แพทย์อาจแนะนำการตรวจหลายวิธี ขึ้นกับความเหมาะสมของแต่ละบุคคล เช่น ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจขณะออกกำลัง ตรวจภาพหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง ตรวจหัวใจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ความเร็วสูง ตรวจภาพคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าหัวใจ และกรณีที่มีอาการมากแพทย์อาจตรวจเลือดดูว่ามีกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดหรือไม่ หรืออาจทำการตรวจสวนหัวใจ เพื่อการวินิจฉัยที่แน่นอน ซึ่งหากผลการตรวจพบว่ามีภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ ก็จะแนะนำการรักษาที่แตกต่างไปแต่ละบุคคล ขึ้นกับความรุนแรงของโรคที่ตรวจพบและสุขภาพของผู้ป่วย โดยอาจแนะนำตั้งแต่ให้กินยา หรือรับการรักษาขยายหลอดเลือดหัวใจโดยการถ่างขยายด้วยลูกโป่ง หรือบอลลูนขนาดเล็ก ไปจนกระทั่งแนะนำให้รักษาด้วยการผ่าตัดต่อทางเบี่ยงเส้นเลือดหรือบายพาสหลอดเลือดหัวใจในกรณีที่จำเป็น

ในเบื้องต้น การปฏิบัติตัวที่ถูกต้องตามคำแนะนำของแพทย์ ควบคู่ไปกับการรักษาทานยา ส่วนใหญ่มักได้ผลดี แต่ในกรณีที่มีภาวะรุนแรงหรือไม่ตอบสนองต่อยา แพทย์จะพิจารณาให้การรักษาโดยการทำบอลลูนขยายหลอดเลือดหัวใจที่ตีบ หรือผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือด เพื่อให้เลือดเดินทางอ้อมผ่านจุดที่อุดตันโดยใช้เส้นเลือดที่บริเวณแขนหรือขา

สิ่งที่ควรปฏิบัติสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
1.รับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด และมาตรวจตามนัดทุกครั้ง
2.รับประทานผัก ผลไม้ และดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2-3 ลิตร
3.รับประทานอาหารแต่พออิ่ม และควรพักหลังอาหารประมาณ ½ - 1 ชั่วโมง
4.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งวิธีการออกกำลังกายที่ดีที่สุดคือ การเดิน เริ่มโดยการเดินช้าๆ ก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่มระยะทาง แต่อย่าให้เกินกำลังของตนเอง
5.ทำจิตใจให้สงบ หาโอกาสพักผ่อน และหาวิธีลดความเครียด หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้ตื่นเต้น เช่น การดูเกมการแข่งขันที่เร้าใจ หรือทำกิจกรรมโลดโผน เป็นต้น
6.หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงและเค็มจัด
7.งดดื่มสุรา ชา กาแฟ และหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
8.หลีกเลี่ยงงานหนัก งานรีบเร่ง และงานที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องนานๆ
9.เมื่อมีอาการเจ็บหน้าอก ให้หยุดกิจกรรมนั้นๆ ทันที และอมยาใต้ลิ้น 1 เม็ด ถ้าอาการยังไม่ทุเลาลงให้อมยาใต้ลิ้นซ้ำได้อีก 1 เม็ด ห่างกัน 5 นาที แต่ไม่ควรเกิน 3 เม็ด หากอาการไม่ดีขึ้นใน 15-20 นาที ให้รีบไปพบแพทย์ทันที
10.การมีเพศสัมพันธ์ไม่ควรหักโหม ควรอมยาใต้ลิ้นก่อนมีเพศสัมพันธ์ ถ้ามีอาการใจสั่น หายใจขัด หรือเจ็บหน้าอกนานเกิน 15 นาทีหลังมีเพศสัมพันธ์ควรปรึกษาแพทย์

ทำอย่างไรไม่ให้หัวใจขาดเลือด
วิธีป้องกันโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดคือ ควรหลีกเลี่ยงอาหารหวาน อาหารที่มีไขมัน กะทิ รวมทั้งไข่แดง เพราะจะทำให้ไขมันสะสมในหลอดเลือด และก่อให้เกิดแผ่นคราบไขมันตามมาได้ ควรเลือกบริโภคอาหารที่มีไขมันน้อย เช่น ผัก ปลา ผลไม้ และอาหารที่มีกากใยมากๆ เช่น รำข้าว ข้าวโพด ข้าวสาลี ฯลฯ และหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง นานครั้งละ 20 นาที แล้วค่อยๆ เพิ่มระยะเวลาและความถี่ในการออกกำลังกายไปเรื่อยๆ นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ เพราะในบุหรี่มีสารนิโคตินและสารอื่นๆ ที่เป็นอันตรายต่อผนังบุด้านในหลอดเลือด การสูบบุหรี่ยังทำให้หลอดเลือดหัวใจหดตัว ซึ่งเป็นการลดปริมาณเลือดที่จะไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ


ศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลเวชธานี

ข้อมูลจาก ไทยรัฐออนไลน์ www.thairath.co.th โดย ศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลเวชธานี
27 มิถุนายน 2555, 15:30 น.


9 พ.ย. 2555 เวลา 09:02 | อ่าน 5,179
กำลังโหลด ...


รีวิวบ้านใหม่ ไอเดียสร้างบ้าน
 
แชร์
L
ซ่อน
แสดง
มาใหม่
ครม.เคาะเพิ่มเงินสงเคราะห์บุตรเป็น 1,000 บาท เริ่ม 1 ม.ค.2568
23 17 ธ.ค. 2567
สอบภาค ก. ปี 2568 กำลังจะมาแล้วว เตรียมตัวกันให้พร้อม
90 17 ธ.ค. 2567
ธ.ก.ส. ออกมาตรการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรชาวใต้ เลื่อนเวลาชำระหนี้สูงสุดไม่เกิน 1 ปี และไม่คิดดอกเบี้ยปรับเกษตรกรแจ้งความประสงค์ได้ที่ ธ.ก.ส ในพื้นที่ ถึง 31 มกราคม 2568
659 5 ธ.ค. 2567
แจ้งข่าวดีชาวไร่อ้อย เริ่ม 6 ธ.ค. นี้ ภาคตะวันออกและภาคอีสานเปิดหีบอ้อยน้ำตาลทรายที่แรก ก่อนทยอยเปิดภาคเหนือภาคกลาง คาดจำนวนอ้อยเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 13.40%
623 5 ธ.ค. 2567
ทุนสำหรับบุคคลทั่วไประดับปริญญา ประจำปี 2568 (ทุน ก.พ.)
132 2 ธ.ค. 2567
ดวงกับดาวประจำวันที่ 1-7 ธันวาคม
73 1 ธ.ค. 2567
การปรับอัตราค่าตอบแทนแรกบรรจุและการปรับค่าตอบแทนชดเชยผู้ได้รับผลกระทบของพนักงานราชการ (ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566)
183 1 ธ.ค. 2567
รัฐบาลเดินหน้าสร้างโอกาสทำงานวัยเกษียณ จับมือ 16 ธุรกิจเอกชน เปิดตำแหน่งงานกว่า 4 พันอัตราทั่วประเทศ สมัครได้ที่เว็บไซต์
652 28 พ.ย. 2567
รองโฆษกรัฐบาล เผยค่าไฟ 4.15 บาท ต่ำกว่าข้อเสนอของ กกพ. ถึง 1.34 บาท ย้ำ “พีระพันธุ์” ต่อรองเต็มที่ เพื่อเป็นของขวัญจากรัฐบาลและ ก.พลังงาน
850 28 พ.ย. 2567
ระเบียบคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ว่าด้วยเงินค่าตอบแทนพิเศษของลูกจ้างสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2557
120 25 พ.ย. 2567
ดูเพิ่มเติม
 
หาเพื่อนไลน์
ไอเดียบ้านสวย
เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์
หางานราชการ
  English
TOEIC กับ การขึ้นเงินเดือน GED VS กศน ไทย (สอบเทียบไทย) แนะนำที่เรียน IELTS ยอดนิยม ของ เด็กอินเตอร์ TOEIC Online GED CU-TEP SAT
 
บทความกลุ่มเดียวกัน
กำลังโหลด ...