วัณโรคยังเป็นโรคติดเชื้อที่พบได้บ่อยในประเทศไทย การดูแลผู้ป่วยและคนใกล้ชิดจึงเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง จากฐานข้อมูลองค์การอนามัยโลก ปี 2560 ปริมาณผู้ป่วยยังคงสูงขึ้น ไม่มีแนวโน้มลดลงจาก 5 ปีก่อน
คนทั่วไปมักรู้จักวัณโรคปอด แต่ในความเป็นจริง วัณโรคสามารถเป็นได้ตามอวัยวะต่างๆ อาทิ วัณโรคหลังโพรงจมูก
วัณโรคหลังโพรงจมูก จัดเป็นวัณโรคนอกปอด ซึ่งพบได้น้อย (ช่วงปี 2530-2535 รพ.ศิริราช พบผู้ป่วย 15 ราย จากทั้งหมดประมาณ 12,000 ราย) เกิดจากการติดเชื้อวัณโรคที่ปอด แล้วกระจายมาที่ต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอหอย หรือจากการติดเชื้อวัณโรคบริเวณคอหอยโดยตรง
ส่วนใหญ่พบในเด็กและผู้สูงอายุ แต่ก็พบได้ในทุกช่วงวัย
อาการ มีก้อนที่คอจากต่อมน้ำเหลืองโต ส่วนน้อยหากมีอาการจุกแน่น เจ็บ หรือระคายในคอเรื้อรังซึ่งอาการนี้จะแยกไม่ออกจากมะเร็งคอหอยที่พบบ่อยในคนไทย ส่วนอาการอื่นของวัณโรคและวัณโรคปอดพบร่วมได้ราวหนึ่งในสาม อย่างไรก็ตาม ควรพบแพทย์เฉพาะทางหู คอจมูก เพื่อทำการตรวจโดยละเอียด
การวินิจฉัย ด้วยการส่องกล้องตรวจบริเวณหลังโพรงจมูก และตัดชิ้นเนื้อตรวจทางจุลชีววิทยา โดยย้อมและเพาะเชื้อวัณโรค หรือตรวจหาลักษณะของวัณโรคทางพยาธิวิทยา ปัจจุบันนิยมใช้เทคนิคทางอณูชีววิทยา ช่วยให้วินิจฉัยได้แม่นยำขึ้น
การป้องกัน ลดโอกาสเป็นวัณโรคปอด และวัณโรคหลังโพรงจมูก
1. รักษาสุขภาพให้แข็งแรง
2. หลีกเลี่ยงในที่ที่คนอยู่แออัด อับทึบ แสงสว่างไม่เพียงพอ
3. หากมีอาการไอเกิน 2 สัปดาห์ เบื่ออาหาร น้ำหนักลด หรือสงสัยว่าเป็นวัณโรคหลังโพรงจมูก โดยคลำพบก้อนที่คอ หรือจุกแน่น เจ็บ หรือระคายคอเกิน 2 สัปดาห์ ให้รีบพบแพทย์
4. หากมีคนใกล้ชิดเป็นวัณโรค บุคคลที่อยู่ร่วมด้วยต้องรีบพบแพทย์ เพื่อตรวจว่าได้รับเชื้อหรือไม่ ส่วนคนใกล้ชิดต้องช่วยดูแลให้เขารักษาวัณโรคจนครบและหายขาด
ภาควิชาอายุรศาสตร์
Faculty of Medicine Siriraj Hospital
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล