การเลือกเกียร์รถยนต์ มีส่วนสำคัญในการเลือกซื้อรถยนต์ในปัจจุบันเป็นอย่างมาก หลายคนให้ความสำคัญเนื่องจากเกียร์ถือเป็นอุปกรณ์หลักที่ช่วยควบคุมการขับขี่ของคุณ แต่ก็ยังมีคนอีกเป็นจำนวนมากที่ยังไม่รู้ว่าจริงๆ แล้ว เกียร์ในแต่ละโหมดใช้งานแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
บทความนี้ ช่างเค ได้นำความรู้เรื่องการใช้เกียร์ S มาฝากครับ สำหรับรถยนต์จะมีเกียร์อยู่ 2 ประเภทคือ เกียร์ธรรมดากับเกียร์อัตโนมัติ แต่ในเกียร์อัตโนมัติของรถยนต์หลายรุ่นจะมีตำแหน่ง S มาให้ด้วย ซึ่งคงจะมีบางท่านอาจจะยังไม่ทราบว่ามันมีไว้ทำไมใช้ตอนไหน คำว่า S ย่อมาจากคำว่า Sport ตำแหน่งเกียร์ S จะช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์ช้าลงจึงทำให้สามารถลากรอบเครื่องยนต์ได้ถึงใจ ทำให้รถมีกำลังมากขึ้นในยามที่ต้องการกำลัง เหมาะสำหรับการขับขี่ขึ้นเขาหรือตอนขับเร่งแซงครับ
อย่างที่บอกไปเบื้องต้นว่าเวลาที่เราใช้เกียร์ S คือตอนเร่งเครื่องแซง หรือขับขึ้นเนินเขาที่มีความสูงชัน เมื่อเปลี่ยนเกียร์ D เป็นเกียร์ S เครื่องยนต์จะสูงขึ้นโดยอัตโนมัติ มีทั้งแรงม้าและแรงบิดที่อยู่ในสถานะ “รอ” พร้อมใช้งาน เพียงแค่ตบคันเร่งเบาๆ ก็ขับรถต่อได้สบาย
เวลาขับรถขึ้นลงเขาก็มักมีป้ายเตือนข้างทางว่า “ทางลาดชัน กรุณาใช้เกียร์ต่ำ” นั่นแหละครับ ถึงเวลาที่คุณควรเปลี่ยนมาใช้เกียร์ S แล้ว แต่ถ้าทางลาดชันมากๆ การใช้เกียร์ S ก็อาจจะไม่เพียงพอ รถบางรุ่นจึงมีทั้งเกียรื S และเพิ่มเกียร์ L มา เพื่อใช้สำหรับเวลาที่ต้องขับรถทางที่มีความชันมากๆ จึงจำป็นต้องใช้เครื่องยนต์ที่มีกำลังสูงๆ นั่นเอง
ในเครื่องยนต์จะมี Engine Brake ที่สามารถช่วยลดภาระในการใช้เบรกเท้าได้เป็นอย่างดี ซึ่งก็คือโหมด S ที่เป็นเกียร์ต่ำนี่แหละครับ ตัวอย่างเช่น กรณีที่คุณขับรถเกียร์ D ในความเร็วสูง แต่ต้องเบรก การบรกเท้าอย่างเดียวจะทำให้สิ้นเปลืองผ้าเบรก โดยเฉพาะบนทางลาดชันการใช้เบรกเท้าอย่างเดียวจะสร้างภาระให้เบรกมากเกินจำเป็น จนอาจทำให้เกิดอาการเบรก Fade และเป็นอันตรายได้