วันนี้ (9 ต.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ออกมาระบุว่าถุงทรายที่นำไปอุดท่อเพื่อป้องกันน้ำท่วมว่า ตนมีหนังสือถึงเลขาสบอช.ให้ทำหนังสือถึงกทม.เป็นหนังสือราชการถามไป 3 ข้อ ข้อแรกคือการที่อธิบายวาการเอากระสอบทรายมาใส่เป็นขบวนการระบายน้ำขอให้อธิบายมา ข้อสอง ถามว่าไปทิ้งไว้ที่ไหนบ้างเอาแผนที่มา ข้อสาม ทำอย่างนี้มีผลกระทบต่อพื้นที่ข้างเคียงที่ไหนบ้าง เพราะไปอุดที่อ่านไหลไม่ได้ก็ให้ตอบมา ซึ่งกทม.ต้องตอบเพราะเป็นหนังสือทางราชการ เป็นหนังสือหารือเพื่อแก้ไขปัญหาของชาติ ถ้าไม่ตอบจะมีปัญหาวินัยถ้าเกิดความเสียหายขึ้นมากทม.ต้อรับผิดชอบ การที่ผู้ว่าฯกทม.ยืนยันว่าการนำกระสอบทรายไปใส่เป็นการระบายน้ำ
“ผมขอทบทวนหน่อยว่าขั้นต้นรองผู้ว่าฯกทม.เขียนในเฟซบุ๊คว่ามีคนแกล้งกทม.เอาหินและกระสอบทรายไปใส่ จากนั้นโฆษกกทม.ออกมาบอกว่าประชาชนรู้เห็นที่ไหนให้แจ้งมาเป็นพิกัดจะไปเก็บ และสุดท้ายอาทิตย์ที่ผ่านมา นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถามผมในสภาบอกให้ผมไปจับคนเอากะสอบทรายที่นำมาใส่ท่อของกทม.ทั้ง 3 อันแปลว่ากทม.ไม่เคยมีความคิดเอากระสอบทรายมาใส่ไว้ตั้งแต่ต้น ถ้ามีความคิดอย่างนี้แต่ต้น นายธีรชนจะมีเฟซบุ๊คมาทำไม โฆษกกทม.จะออกมาพูดทำไมว่าให้ประชาชนบอกเบาะแสคนเอากระสอบทรายมาทิ้ง และนายอลงกรณ์จะมาบอกให้ผมไปตามจับคนเอากระสอบทรายมาไว้ในท่อทำไม แสดงว่าไม่จริงมาตลอดเป็นการเต้าเรื่องขึ้นมาแน่ๆภายใน 1- 2 วันนี้ ในทางเทคนิคที่จะมีการพูดว่าป้องกันน้ำท่วม เขาจะไม่ทำอย่างนี้ หากจะป้องกันน้ำท่วมเขาต้องวางข้างบนฟุตบาทหรือบนถนนในลักษณะแบบบังเกอร์สูงอย่างมากก็ 2-3 ฟุตน้ำจะเอ่อขึ้นมาไม่พ้นบังเกอร์ก็ไม่ท่วม แต่การเอากระสอบทรายไปใส่ข้างล่าง1 คือการโยนลงไปส่งเดชกั้นน้ำไม่ได้ 2 กระสอบทรายจะเลื่อนเพราะมีกระแสน้ำ 3 กระสอบทรายจะแตกทรายจะแพร่เสียหายไปหมดและ 4 เป็นการไปบล็อกทางเดินของน้ำที่มาจากต้นน้ำที่จะไปที่อื่น เพราะฉะนั้นคิดอย่างไรก็ไม่ใช่วิชาการอะไรทั้งนั้นมันเป็นไปไม่ได้ “นายปลอดประสพ กล่าว
นายปลอดประสพ กล่าวต่อว่า ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น และการที่ต้องมาอธิบายว่าถ้าจะเอากระสอบทรายมาป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มอย่างนี้ และประชาชนไปเชื่อแล้วไปทำตามอย่างแบบนี้ กรุงเทพจะเสียหายและท้าขอพูดทางการเมืองว่า ถ้าผู้ว่าฯกทม.มั่นใจกับนโยบายเอากระสอบทรายไปใส่ท่อเพื่อช่วยระบายน้ำ ก็ขอให้ประกาศเป็นนโยบายว่าจะป้องกันน้ำท่วมกทม.โดยการเอากระสอบทรายไปใส่ในท่อ จะดูว่าคนกทม.จะเลือกหรือไม่ เขาอุดทั้งทางมาและทางไป และทำให้เกิดผลกระทบ และขอย้ำให้ทาง กทม. นำกระสอบทรายออกภายใน 15 วัน และหากไม่นำออกจะให้บางหน่วยงานไปนำออกเอง ได้อ่านกฎหมายแล้วว่าการบริหารราชการรัฐบาลมีสิทธิ์จะดำเนินการใดๆที่ใดก็ได้ เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชน ไม่จำเป็นต้องไปขอเทศบาลไหน ตำบลไหน จังหวัดไหน จะมาอ้างว่าเป็นอาณาเขตของตนเองมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดใครเข้ามาต้องขออนุญาต ไปอ่านกฎหมายใหม่ จะมาประกาศประเทศใหม่ไม่ได้ แล้วอย่ามาขู่ว่าจะไปฟ้องศาลปกครอง เพราะกฎหมายให้อำนาจรัฐบาลกลาง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทาง กทม.ได้ออกมายืนยันว่าจะเดินหน้าฟ้องร้องผู้ที่ทำการรื้อกระสอบทรายกรณีนี้จะทำเช่นไร นายปลอดประสพ กล่าวว่า กรณีนี้เรียกว่า กทม.ดื้อตาใส มึนงงจริงๆเกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น เมื่อถามถึงพายุที่ชื่อว่า”พระพิรุณ” นายปลอดประสพ กล่าวว่า พายุลูกนี้เคลื่อนตัวไปทางทิศเหนือแล้วตามหลักการทางภาคกลางไม่น่าจะมีพายุลูกใดอีก นอกจากภาคกลางตอนล่างจนถึงภาคใต้ที่ยังจะมีร่องความกดอากาศต่ำอยู่ ถ้าจะมพายุต่อมาก็คงจะมีภาคใต้ น้ำท่วมเมืองไทยปีนี้ 31 ธ.ค.ก็จบ เหลือแต่ภาคใต้ต้องดูแลนิดหน่อย
ส่วนข้อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมืองระหว่างรัฐบาลกับ กทม. ในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม นายปลอดประสพ กล่าวว่า ไม่กังวลและพร้อมจะมีเรื่องทางการเมืองเพราะเป็นนักการเมือง ทำแบบนี้จะให้ทำอย่างไร จะแบ่งว่าอะไรการเมืองอะไรไม่การเมือง เพราะตอนนี้เกิดความเสียหายอยู่ที่ประชาชนจะมองว่าการเมืองหรือไม่ แต่ทุกอย่างอยู่บนประโยชน์ของประชาชน พร้อมจะคุยดีๆแบบนักวิชาการ แต่ถ้ามาซื่อบื้อ ดื้อตาใส มาอ้อแออ้อแอ ก็ไม่ไหว เมื่อถามถึงการใช้จ่ายงบประมาณ 350,000 ล้านบาทจะเริ่มใช้อย่างไร นายปลอดประสพกล่าวว่า ในอีก เดือนครึ่งจะทราบว่า 3 กลุ่มบริษัทใครจะได้รับการคัดเลือก และจะเริ่มใช้งบประมาณช่วงเม.ย.ปี 56
ข้อมูลจาก
http://www.dailynews.co.th