คนไทยส่วนใหญ่คิดว่า คำแนะนำจากองค์การอนามัยโลกต้องน่าเชื่อถือ เพราะมีผู้เชี่ยวชาญระดับโลกคอยกลั่นกรองการออกคำแนะนำแต่ละเรื่อง ตั้งแต่มีโรคไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดไปทั่วโลก เราได้เห็นคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกที่ล่าช้า กลับไปกลับมา คนไทยจึงเริ่มขาดความเชื่อถือองค์การอนามัยโลก
แพทย์ไทยทั้งกุมารแพทย์ และอายุรแพทย์รักษาโรคเอดส์ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับคำแนะนำนี้ ผมในฐานะนายกสมาคมโรคเอดส์แห่งประเทศไทยในช่วงนั้น ร่วมกับศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย เรียกร้องให้กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก โดยให้ใช้ยาต้านไวรัสแบบสูตร 3 ขนานในหญิงตั้งครรภ์ทุกคนซึ่งจะทำให้การติดเชื้อจากแม่สู่ลูกลดลงได้อีก และลดโอกาสการดื้อยาของแม่และลูก (ดูโปสเตอร์) ผมต้องเข้าประชุมนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ยอมทำตาม ในปี พ.ศ.2553 ประเทศไทยถือว่าเป็นประเทศแรกๆที่กำลังพัฒนา ที่ได้นำยาสูตร 3 ขนานมาใช้เป็นนโยบายประเทศ โดยทำล้ำหน้าคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกในขณะนั้น
จากการดำเนินนโยบายให้ใช้ยาสูตร 3 ขนานกับหญิงตั้งครรภ์ทุกคนในช่วงตั้งครรภ์ รวมทั้งให้แม่กินยาต่อเนื่องหลังคลอดไปตลอดชีวิต ร่วมกับให้ยาป้องกันทารก และให้นมผงฟรีกับทารกจนถึงอายุ 18 เดือน ทำให้อัตราการติดเชื้อจากแม่สู่ลูกลดลงอย่างรวดเร็วจนเหลือ 1.9% ในปีพ.ศ. 2559 นำมาซึ่งความสำเร็จในการได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลกว่าประเทศไทยสามารถยุติปัญหาการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีจากแม่สู่ลูกได้
เราได้เห็นอีก 1 บทเรียนที่ประเทศไทยไม่จำเป็นต้องทำตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกทุกเรื่อง เราต้องใช้วิจารณญาณของเราเอง ใครจะรู้ปัญหาของคนไทยเท่ากับคนไทยด้วยกัน