วันนี้ (4 พ.ย. 63) นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผย ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ครั้งที่ 4/2563 มีมติเห็นชอบยุทธศาสตร์ข้าวไทย ปี 2563-2567 ภายใต้ยุทธศาสตร์ “ตลาดนำการผลิต” ตั้งเป้า “ไทยเป็นผู้นำในด้านการผลิต การตลาดข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวคุณภาพของโลก” โดยมีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธานการประชุม และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร่วมประชุมด้วย
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการดูแลพี่น้องเกษตรกรเป็นนโยบายที่รัฐบาลให้ความสำคัญ มีทั้งโครงการหลักและโครงการเสริม ซึ่งต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก ดังนั้น สิ่งสำคัญ คือ การพัฒนาพันธุ์ข้าวไทยแบบครบวงจร สร้างความหลากหลายที่ตอบสนองต่อความต้องการตลาด/ผู้บริโภค แบบเฉพาะกลุ่ม กำหนดโซนนิ่งปลูกข้าวพันธุ์ที่เหมาะสมกับลักษณะพื้นที่และประมาณน้ำ เป้าหมายของรัฐบาล คือ การสร้างความเข้มแข็งให้กับพี่น้องเกษตรกรไทย ดังนั้น รัฐบาลกับเกษตรกรต้องร่วมมือกันให้การเกษตรเป็นอาชีพที่เลี้ยงตนเองได้และเกษตรกรกรทุกรายมีรายได้ที่เพียงพอ
ที่ประชุมยังทราบโครงการเพิ่มช่องทางการตลาดข้าวเปลือกเหนียว ปีการผลิต 2563/64 ได้แก่ การเพิ่มช่องทางการตลาดข้าวเปลือกเหนียว ปี 63/64 การจัดกิจกรรมรณรงค์กระตุ้นการบริโภคข้าวเหนียวในห้างสรรพสินค้า และการรณรงค์กระตุ้นการบริโภคข้าวเหนียว โดยจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ “โครงการรณรงค์บริโภคข้าวเหนียว” วันที่ 28 ต.ค.63 ก่อนการประชุม ครม. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล และการเจรจาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (G to G) กับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 1 ล้านตัน ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2558 ซึ่งรัฐบาลจีนได้ซื้อข้าวจากไทยไปแล้ว 7 แสนตัน ทั้งนี้ มอบหมายให้กรมการค้าต่างประเทศเร่งเจรจากับผู้แทนรัฐบาลจีน เพื่อทำการซื้อ-ขาย ข้าวในจำนวนที่เหลือ
อนึ่ง ภายหลังการประชุม รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้แถลงต่อสื่อมวลชนว่า ต้องยอมรับว่าประเทศไทยมีจุดอ่อนในการแข่งขันข้าวโลกคือมีต้นทุนการผลิตสูงและมีความหลากหลายด้านพันธุ์ข้าวน้อย จึงเป็นที่มาของยุทธศาสตร์ข้าว โดยกระทรวงพาณิชย์ได้เร่งรัดการส่งออกในปัจจุบัน ด้วยการรักษาตลาดเก่าไว้ควบคู่ไปกับการขยายตลาดใหม่