อย่าให้การเฉลิมฉลองปีใหม่เป็นเพียงเทศกาลที่ผ่านแล้วผ่านเลย อย่างน้อยควรเป็นวันเปิดศักราชให้คนเราฉุกคิดเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างมีคุณค่า
เสริมความมั่นคงแข็งแกร่งให้ทุกก้าวย่าง เติมเต็มความสุขให้กับชีวิต
และอย่ามัวแต่มุ่งมั่นอยู่กับเป้าหมายในชีวิตจนหลงลืมเสพความสุขระหว่างทาง เพราะความสำเร็จต้องใช้ระยะเวลาการเติบโตอันนำไปสู่ความยั่งยืน
ดังเช่นที่นักธุรกิจหลาย ๆ คนที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน จากการแสวงหาความสุขจากสิ่งที่ทำ แบ่งบันเวลาให้ลงตัว มิใช่หมายมุ่งเพียงแต่ยอดขายและตัวเลขการเติบโตเท่านั้น
ในโอกาสขึ้นปีศักราชใหม่ในปีมะเส็งนี้
"ดีไลฟ์" ได้ล้วงเคล็ดลับความสุขฉบับพกพาของบรรดาเจ้าของกิจการ ซีอีโอ นักธุรกิจสาขาต่าง ๆ มาบอกเล่าสู่กันฟัง ถึงวิธีการสร้างสุขให้กับชีวิตไปพร้อมกับการทำงานที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงแนวคิด วิธีการใช้ชีวิตของคนมีเงินค้างและเงินหมุนในบัญชีเป็นตัวเลข 9-11 หลัก
มาเริ่มกันที่หัวเรือใหญ่แห่งบริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด "แป๋ม-ชฎาทิพ จูตระกูล" ที่ตอนนี้กำลังวุ่นวายอยู่กับการเตรียมงานเปิดตัว "สยามเซ็นเตอร์" โฉมใหม่ในวันที่ 11 มกราคมปีหน้า ดังนั้นเวลาเว้นว่างสุดหวงจึงยกให้ "ครอบครัว"
แม้คนในครอบครัวต่างคนก็ต่างยุ่ง แต่เมื่อมีเวลาว่างสิ่งที่อยากทำคือการ
อยู่กับครอบครัว ดูเหมือนว่าตลอดทั้งปีนี้และปีหน้า สยามพิวรรธน์ต้องทำงานหนักมาก จึงไม่ค่อยมีเวลาว่างได้ทำงานอดิเรกอะไรเลยสักอย่าง
"เป็นเรื่องน่าเศร้าที่สุด เพราะเมื่อก่อนนี้ถ้ามีเวลาว่างก็จะออกไปขับเรือสปีดโบ๊ตส่วนตัวเล่นในแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำบางปะกง หรือบางครั้งขับออกทะเลไปเลยก็ยังมี แต่เดี๋ยวนี้ทำไม่ได้แล้วเพราะงานยุ่งมาก"
ดังนั้น ความสุขที่หาได้ในเวลาอันจำกัดนี้คือ "การได้อยู่กับครอบครัว แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว ได้ออกไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกัน"
คนต่อมาที่จะมาเผยแนวทางการบริหารความสุขในการใช้ชีวิตและบริหารงาน คือ "ตัน ภาสกรนที" แห่งบริษัท อิชิตันกรุ๊ป จำกัด เจ้าของตำแหน่งสุดยอดซีอีโอภาคเอกชนแห่งปี 2555 จากเอแบคโพลล์ ผู้เชื่อมั่นในแนวทางการคิดบวก แม้หลายคนจะให้คะแนนติดลบจากการคิดบวกเกินจำเป็น แต่เจ้าตัวก็ยังเดินหน้าคิดบวกต่อไป
"ถ้าอยากมีความสุข สิ่งสำคัญที่สุดคือทัศนคติบวก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราต้องคิดบวกเอาไว้ก่อน คิดเอาไว้ว่าทุกสิ่งที่อย่างจะต้องผ่านไปได้ อย่าเอาตัวเองเข้าไปอยู่กับปัญหา และคิดแต่ว่าทำไมเรื่องร้าย ๆ ต้องเกิดขึ้นกับตัวเองคนเดียว เพราะในความเป็นจริงแล้วไม่ว่าใครต่างก็มีปัญหาเหมือนกันหมด ไม่มีใครโชคดีไปตลอดชีวิต ถ้าเราคิดว่ามีความสุขเราก็จะมีความสุข แต่ถ้าคิดว่าทุกข์ไม่ว่ายังไงก็จะเป็นทุกข์ต่อไป"
บอสอิชิตันอธิบายเพิ่มเติมว่า "ความทุกข์" มักจะวิ่งเข้าหาคนที่จมปลักและเฝ้ามองมันอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น อย่าไปรักความทุกข์ให้มากนัก ปล่อยออกไปบ้างและสนใจความสุขให้มาก ทุกอย่างก็จะดี
ขนาดรถติดหนุ่มร่างท้วมยังมองบวกได้ "ช่วงเวลาว่างที่ผมชอบมากคือตอนรถติด และต้องอยู่บนรถนาน ๆ หลายชั่วโมง เพราะมันเป็นช่วงเวลาที่ผมจะได้อยู่และพูดคุยกับลูกมากกว่าปกติ แทนที่จะไปนั่งเครียดกับสภาพการจราจร สู้เอาเวลามาหันหน้าพูดคุยกันจะดีกว่า" ตันทิ้งท้าย
ขณะที่ซีอีโอหนุ่มไฟแรง "ณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์" แห่งบริษัท อุ๊คบี (Ookbee) ผู้พัฒนาแอปพลิเคชั่นและอีบุ๊ก และบริหารเวลาจัดหาช่องว่างให้ตัวเองได้มีเวลาออกกำลังกายและอ่านหนังสือ จนก่อเกิดแรงบันดาลใจจากการอ่านทั้งแบบหนังสือเป็นเล่มและอีบุ๊ก ขยายไอเดียให้หนังสือเป็นมากกว่าการอ่าน แต่เป็นหนังสือพูดได้
"ระยะหลังผมชอบฟังหนังสือมากกว่า พวก audio book ชอบเปิดฟังช่วงระหว่างขับรถหรือออกกำลังกาย อย่างน้อยก็ช่วยประหยัดเวลาในการอ่านหนังสือได้มาก จนทางบริษัทได้ไอเดียจะทำ audio book ให้บริการบนสมาร์ทโฟนในเมืองไทย" เรียกว่านำความชอบมาทำงานแปลงเป็นเงินได้อย่างสบาย
ดังนั้น ความสุขของหนุ่มคนนี้จึงวนเวียนอยู่กับหนังสือที่สัมผัสได้มากกว่า 1 ช่องทาง รวมทั้งการพบปะพูดคุยเรื่องราวศิลปะหรือวรรณกรรมกับคนนอกวงการไอที เพื่อจะได้ผุดไอเดียใหม่ ๆ ให้บังเกิดความกล้าที่จะคิด ลองทำ และพิสูจน์
เทคนิคนี้ใครจะนำไปเลียนแบบบ้างคงพอจะช่วยได้ สำหรับคนที่ไม่ชอบอ่านแต่ชอบฟัง
กลับมาที่สายงานของรัฐวิสาหกิจ ที่ต้องขับเคี่ยวยุ่งเหยิงหนักว่าระบบราชการไทยเสียอีก โดยเฉพาะเก้าอี้ผู้บริหารสูงสุดอย่าง "ดีดีการบินไทย" กลายเป็นเก้าอี้ร้อนสุดฮอต ที่ตอนนี้ตกเป็นของ "สรจักร เกษมสุวรรณ" รับตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) รับหน้าที่บริหารงานบริษัทการบินไทยที่อยู่ในสถานะขาดทุน แถมยังเป็นผู้บริหารที่มาจากบุคคลภายนอก ซึ่งในอดีต ดีดีการบินไทยส่วนใหญ่เป็นบุคคลภายในบริษัทการบินไทย หรืออดีตนายทหารอากาศชั้นผู้ใหญ่
แต่ดูเหมือนเจ้าตัวไม่ได้สะทกสะท้านกับแรงเสียดทานใด ๆ เพราะดีดีการบินไทยคนล่าสุด "ยังยิ้มได้" แม้วัน ๆ จะง่วนอยู่กับการประชุมและเอกสารที่ต้องเซ็นกองมหึมาซึ่งต้องขนกลับบ้าน แถมยังเบียดบังเวลานอนเหลือเพียงวันละ 4-5 ชั่วโมงต่อวัน
"ผมเป็นคนไม่เก็บความเครียดไว้บนหน้า หัวเราะกับชีวิตเสียบ้าง การยิ้มและการหัวเราะเป็นเรื่องที่ดี มีค่ากับคนรอบข้าง เวลามีอะไรมาสะกิดใจหรือไม่ถูกใจก็อาจจะอารมณ์เสีย แต่ก็ต้องปล่อยมันไปเท่าที่จะปล่อยมันไปได้ให้เร็วที่สุด ฉะนั้น การยิ้มได้ หัวเราะได้ เป็นเรื่องสำคัญสำหรับชีวิต ที่เห็นว่ายิ้มได้ หัวเราะได้นั้น ไม่ได้แสดงว่าไม่เครียดนะ แต่อยู่ที่เราจะเก็บมันหรือปล่อยมันไป"
แต่บางครั้งเรื่องของสีหน้าก็ปิดบังได้ยาก ดีดีการบินไทยกล่าวสรุป พร้อมกับส่งยิ้มพิมพ์ใจตามแบบฉบับคนอารมณ์ดี ?
เปลี่ยนเข้าสู่โหมดเบา ๆ ของทายาทโรงงานผลิตกาแฟเนสกาแฟ "กึ้ง-เฉลิมชัย มหากิจศิริ" หนุ่มอายุน้อยที่ก้าวขึ้นมาเป็นนักลงทุนรายใหญ่ พ่วงตำแหน่งซีอีโอหนุ่มไฟแรงแห่งโฟร์ วัน วัน เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ เติมความสุขลงในช่องว่างของเวลาด้วยการเล่นกีฬาเกือบทุกชนิด คลั่งไคล้บาสเกตบอล แต่เกิดขาหักจึงไม่ค่อยได้เล่น หันไปเล่นกีฬาอื่นแทน ชอบไปเที่ยวต่างจังหวัดพักผ่อนและแอดเวนเจอร์ เลือกไปในสถานที่ที่ยังไม่เคยไปมาก่อนจะได้ตื่นเต้น มีกิจกรรมใหม่ ๆ ที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจจากความสวยงามและวัฒนธรรมที่เราซึมซับจากสิ่งที่ได้พบ
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า หนุ่มนักเรียนนอกผู้นี้แก้ความเครียดด้วยการหันหน้าเข้าหาพระ
"ผมจะเลือกไปพูดคุยกับพระอาจารย์ที่วัดราชบพิธฯที่ผมเคยไปบวช ไปนั่งสนทนาธรรมกับพระก็ช่วยทำให้ใจเย็นขึ้นได้มาก พร้อมกลับมาลุยงานต่อไป"
ส่วนความสุขของเขาเกิดจากรอยยิ้มของคนรอบข้าง จึงไม่แปลกหากจะเห็นหนุ่มคนนี้ใส่ใจทรัพยากรบุคคลในสังกัดที่เขาดูแล
"ผมใส่ใจคนในทีมทุกคน ทำอย่างไรให้เขาอยากตื่นขึ้นมาทำงานในทุก ๆ วัน และไม่ใช่นั่งรอคอยเวลาเลิกงาน ความรักในงานเป็นสิ่งสำคัญมาก"
อีกหนึ่งหนุ่มทายาทตระกูลอภิมหาเศรษฐี บุตรชายคนที่ 3 ของ "สรรเสริญ และหทัยรัตน์ จุฬางกูร" ได้ชื่อเป็นนักธุรกิจหนุ่มหมื่นล้าน "ณัฐพล จุฬางกูร" นักบริหารหนุ่มไฟแรงที่ต่อยอดธุรกิจและสร้างธุรกิจด้วยตัวเอง ผุดสนามกอล์ฟ โรงแรม และอสังหาฯอื่น ๆ แถมยังแบ่งเวลาให้กับงานซีเอสอาร์กว่า 50 โครงการที่ทำเองกับมือ เพราะเขาเชื่อว่าเงินไม่ใช่ที่สุดของชีวิต แต่การแบ่งปันให้สิ่งมีชีวิตร่วมโลกต่างหากคือชีวิตที่มีคุณค่า ตามแบบฉบับของเศรษฐีหนุ่มใจบุญ
ใน 1 อาทิตย์เขาต้องแบ่งเวลาทำบุญ 1 วัน ด้วยการบริจาคแรงเงินและแรงกาย เป็นความสุขที่เกิดจากการให้
"ถามตัวเองว่าพอหรือยังเรื่องเงิน ถ้าพอแล้ว ก็ควรหาเวลาทำบางสิ่งบางอย่างมาเติมความสุขให้กับตัวเองบ้าง ไม่ใช่ทุกวันมีแต่งานกับงาน ก็จะทำให้ชีวิตเราไม่มีความสุข ถ้าเราอยู่แต่กับงานหรือมุ่งกับงานก็จะทำให้ชีวิตเราถึงทางตัน อยู่แต่สิ่งเดิม ๆ พื้นที่เดิม ๆ การพักผ่อนไม่ใช่การนอนเท่านั้น มันจะเป็นชีวิตที่ไม่ใช่ชีวิต เราเกิดมาแล้วต้องหาความสุขให้กับชีวิต ไม่ใช่ตั้งหน้าตั้งตาหาแต่เงิน เอาเงินเป็นที่ตั้งก็ไม่ถูก"
เมื่อคิดได้ดังนี้ ณัฐพลจึงแบ่งเวลาดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกาย เหนื่อยแค่ไหนก็ต้องทำให้ได้ตามที่ตั้งใจไว้สัปดาห์ละ 2 วัน และออกไปรับประทานอาหารนอกบ้านกับครอบครัวเป็นประจำ
"เหนืออื่นใด ผมเป็นคนนอนหลับง่าย"
มาถึงเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ ติดอันดับหัวแถว 1 ใน 5 ของวงการอย่าง "ประทีป ตั้งมติธรรม" ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) นอกจากความสุขที่ได้จากการสร้างบ้านสร้างคอนโดฯขายโดยคำนึงถึงความสุขของผู้พักอาศัยด้วยแล้วนั้น การจัดสรรเวลาเป็นสิ่งสำคัญของนักบริหารรุ่นใหญ่พึงประหยัดให้มากที่สุด
"ผมใช้เวลาจากที่ทำงานถึงบ้านแค่ 10 นาที เพื่อใช้เวลาที่เหลือกับกิจกรรมที่ผมชอบและได้อยู่กับครอบครัวที่ผมรัก ผมไม่อยากเสียเวลาอยู่บนถนนนาน ๆ ทุกเส้นทางที่ผมมุ่งหน้าไปย่อมมีมากกว่า 1 เป้าหมาย นอกจากจะเดินทางไปเที่ยวแล้วยังแวะตรวจงานตามรายทางอีกด้วย"
การลดเวลาเดินทาง คือเคล็ดลับความสุขของผู้บริหารรุ่นใหญ่วัย 64 ปี ที่อยากมีเวลารำไท้เก๊ก เล่นโยคะ ว่ายน้ำ ร้องเพลง เล่นเปียโน วาดรูป เขียนหนังสือ ดูหนัง ดูละคร และเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ สิ่งเหล่านี้คือกิจกรรมที่ทำให้นักธุรกิจรุ่นใหญ่ (มาก) ยังคงมีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง
พร้อมกับเผยเคล็ดลับคลายความเครียด
"อยู่กับปัจจุบัน ไม่เศร้าหมองกับอดีต ไม่กังวลกับอนาคต ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด และขจัดความกังวล คือไม่ทำเรื่องผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรม"
ข้อมูลจาก ประชาชาติไลฟ์ http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1357125050&grpid=09&catid=12 updated: 02 ม.ค. 2556 เวลา 18:11:55 น.