ปลัดกระทรวงสาธารณสุข สั่งการสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ เตรียมพร้อมรับมือโควิด 19 ให้คัดกรองเชิงรุกชุมชนแรงงานเมียนมา หากพบติดเชื้อใช้สมุทรสาครโมเดล ปิดพื้นที่เสี่ยง ติดตามผู้มาจากสมุทรสาคร หากพบการติดเชื้อให้สอบสวนโรคติดตามผู้สัมผัสโดยเร็ว พร้อมออก 7 ข้อสั่งการ เน้นย้ำสื่อสารประชาชนไม่ให้เกิดความตระหนก สวมหน้ากาก 100%
วันนี้ (21 ธันวาคม 2563) นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมทางไกลศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขกรณีโรคโควิด 19 ร่วมกับผู้บริหารส่วนกลางส่วนภูมิภาค และนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ ว่า สถานการณ์โรคโควิด 19 จ.สมุทรสาคร สันนิษฐานว่า มาจากแรงงานเมียนมา จึงมีการตรวจคัดกรองเชิงรุกแรงงานเมียนมาบริเวณหอพักใกล้ตลาดกลางกุ้ง ทำให้พบผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ได้ปิดพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ควบคุมโรคเด็ดขาดห้ามเข้าออกเพื่อจำกัดวงการระบาด ส่วนจังหวัดที่มีผู้ป่วยเกี่ยวข้องกับตลาดกลางกุ้ง เกิดจากการตรวจพบเชื้อและมีการสอบสวนโรคติดตามผู้สัมผัสได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ไม่เกิดการแพร่กระจาย เป็นการดำเนินงานเหมือนกรณีสนามมวยลุมพินี
นายแพทย์เกียรติภูมิกล่าวต่อว่า ให้ทุกจังหวัดเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ โดยให้ อสม.ช่วยฝ่ายปกครองสอดส่องผู้ที่มาจาก จ.สมุทรสาคร ให้ไปแสดงตัวและประเมินความเสี่ยง โดยไม่จำเป็นต้องกักตัว หากมีความเสี่ยงสูงจะตรวจทางห้องปฏิบัติการ หากเสี่ยงต่ำอาจให้แยกตัวเฝ้าระวังอาการ เมื่อมีผู้ป่วยเกิดขึ้นในจังหวัดต้องสอบสวนโรคและติดตามผู้สัมผัสอย่างรวดเร็ว คัดกรองเชิงรุกในชุมชนแรงงานเมียนมา หากมีการติดเชื้ออาจใช้สมุทรสาครโมเดล โดยการปิดพื้นที่ทำ OQ (Organization Quarantine) ซึ่งเป็นการจัดการสถานการณ์อย่างเหมาะสม ปิดเฉพาะพื้นที่จุดเสี่ยง ไม่ได้เป็นการปิดทั้งจังหวัด และต้องสื่อสารให้ความรู้ประชาชนเพื่อไม่ให้เกิดความตื่นตระหนก เนื่องจากการปิดพื้นที่อาจทำให้ประชาชนกังวลและเดินทางออกจากพื้นที่ ขอให้มีการซักซ้อมความเข้าใจเรื่องเหล่านี้ รวมถึงขอให้สถานประกอบการที่มีแรงงานเมียนมาจำนวนมาก ดำเนินการตรวจด้วย Rapid Test
นอกจากนี้ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้มี 7 ข้อสั่งการจากกรณีพื้นที่จ.สมุทรสาคร ดังนี้ 1.สื่อสารประชาสัมพันธ์ไม่ให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนก โดยเฉพาะเรื่องของข่าวปลอมต่าง ๆ 2.เน้นย้ำให้ประชาชนสวมหน้ากากตลอดเวลา หลีกเลี่ยงสถานที่ชุมชน สังเกตอาการตนเอง โดยให้โรงพยาบาลเป็นพื้นที่ต้นแบบสวมหน้ากาก 100 เปอร์เซ็นต์ 3.เน้นย้ำและตรวจสอบมาตรการป้องกันควบคุมโรค ทั้งส่วนบุคคลและสถานที่ ดำเนินการอย่างเคร่งครัด ได้แก่ DMHT เว้นระยะห่าง สวมหน้ากาก จัดที่ล้างมือหรือเจลแอลกอฮอล์ หากสงสัยให้เข้ารับการตรวจ เข้มการสแกนไทยชนะ และทำความสะอาดพื้นผิว 4.ลดกิจกรรมที่มีการรวมตัวกันจำนวนมาก กรณีจำเป็นให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด 5.สุ่มตรวจกลุ่มแรงงานต่างด้าวตามแนวทางที่กรมควบคุมโรคกำหนด 6.ให้ทุกจังหวัดเตรียมเรื่องเตียงและโรงพยาบาลสนาม และ7.ให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ดูแลเรื่องการตรวจทางห้องปฏิบัติการให้เพียงพอและรวดเร็ว