นานมาแล้ว…ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีพ่อผู้ที่ขยันขันแข็งทำงาน เป็นอย่างมากอยู่ผู้หนึ่ง อาศัยอยู่กับพวกลูกชายที่แสนที่จะขี้เกียจเป็นอย่างมาก ของเขา ผู้เป็นพ่อจะตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้าตรู่ และก็จะลงมือทำไร่ซึ่งก็เป็นไร่องุ่นเพื่อนำมาทำ เหล้าไวน์ จนถึงเวลาค่ำมืดอยู่เป็นประจำ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ลูกชายคนโตสุดของเขาก็ชอบแต่ที่จะกินอย่างเดียวเพราะเป็นคนที่ตะกละ, ลูกชาย คนที่สองก็เป็นคนที่ออกจะขี้เกียจวัน ๆจะเอาแต่นอนโดยไม่คิดที่จะช่วยทำอะไรเลย สักอย่าง…ส่วนลูกชายคนที่สามก็เป็นคนที่ชอบที่จะเที่ยวเล่นเป็นอย่างมาก
ลูกชายคนที่สี่ก็เช่นกัน เป็นพวกขี้เมาจะชอบแอบดื่มเหล้าไวน์ที่พ่อของเขาผลิต ขึ้นนั้นอยู่เป็นประจำ ผู้เป็นพ่อต้องได้รับแต่ความเสียใจเป็นอันมาก ” ทำไมพวกเจ้าถึงได้ขี้เกียจไม่ชอบ ทำงานกันอย่างนี้เล่า?? ตอนนี้ที่ไร่องุ่นของพวกเรานั้นกำลังเ่ยวเฉาและโรยรา แม้แต่ ผลองุ่นสักผลเล็กๆ ก็ไม่มีออกมาให้เห็นอยู่อย่างเช่นนี้แล้ว
ทำไมพวกเจ้าจึงได้นิ่งดูดาย เปลี่ยนหัวใจหันกลับมาขยันทำงานกันสักทีสิ! ” แต่ว่าไม่ว่าพ่อของพวกเขาจะพูดตักเตือนขอร้อง ดุด่าว่าอย่างไรพวกเขาก็ยังเป็นอยู่เหมือนเดิมไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนแปลง
แล้ววันหนึ่งในที่สุด…ผู้เป็นพ่อซึ่งแก่ชรามากแล้วของพวกเขาก็เกิดล้มป่วยลง เจ็บคราวนี้แกรู้ตัวว่า กำลังใกล้จะตายเต็มทีแน่แล้ว และก่อนที่ แกใกล้จะหมดลมหายใจ แกก็ยังห่วงลูก ๆจอม ขี้เกียจทั้งสี่ของแก เป็นอย่างมากและได้เรียกเข้ามาสั่งเสียที่ข้างเตียงนอนว่า ” พ่อคงอยู่ ต่อไปได้อีกไม่นาน เพราะฉะนั้นพ่อจะบอกสิ่งที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับที่ซ่อน สมบัติมหาศาลกับพวกเจ้า ” ” สมบัติอะไรหรือพ่อ??”
ลูกชายทั้งสี่ทั้งตกใจและแปลกใจ…จึงได้ถามซ้ำอีกครั้งว่า “บ้านเรา มีสมบัติซ่อนไว้ด้วยหรือพ่อ??”
” ใช่แล้ว..มันเป็นสมบัติของพวกเจ้า พ่อได้แอบซ่อนเพชร,ทองและเงินเอาไว้ที่ในไร่องุ่น..โอ้! แต่ตอนนี้พ่อช่าง ทุกข์ทรมานเหลือเกิน…” ” พ่อ!!อย่าเพิ่งตายสิ ไหนกรุณารีบ ๆ บอกพวกเรา เร็ว ๆด้วยว่าพ่อซ่อนสมบัติพวกนั้นไว้ในที่จุดไหนของไร่องุ่นล่ะ..พ่อ” แต่พ่อ ด้วยหมดกำลังลงเสียแล้ว และได้ขาดใจตายไปเสียแต่ตอนนั้น ” พ่อ โธ่ พ่อ… อย่าเพิ่งจากพวกเราไปเลย..ฮื่อๆๆๆ”
” อ้า…พ่อได้ตายลงไปเสียแล้วโดยไม่ทันได้บอกพวกเราถึงที่ซ่อน สมบัติเสียด้วย..มันเป็นสิ่งที่ช่วยอะไรไม่ได้ ดังนั้นพวกเราต้อง ไปที่ไร่องุ่นแล้วขุดพลิกแผ่นดินหาเอาเอง…”
เมื่องานศพของพ่อได้ผ่านไปแล้ว…ลูกชายทั้ง 4 ก็ลงมือและตั้งหน้าตั้งตาขุดดินในไร่องุ่นเพื่อหาสมบัติตามที่พ่อได้บอกไว้ก่อนตาย ในทุก ๆวัน ” ว๊อย..วันนี้ก็ไม่พบสมบัติอีกตามเคย!” ทั้งสี่ตั้งหน้าตั้งตาขุดและขุด อย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อหาสมบัติจนเกือบจะทั่วทุกหนทุกแห่งที่มีในไร่องุ่นนั้นเลยทีเดียว
เมื่อเวลาผ่านไป…ผืนแผ่นดินในไร่องุ่นที่พวกเข้าตั้งหน้าตั้งตาขุดเพื่อหาสมบัตินั้น ก็เปรียบเสมือนกับได้โดนขุดไถและพรวนดินเป็นอย่างดี ดังนั้นต้นองุ่น ที่มีอยู่มากมายในไร่ ก็บรรดาลให้ออกดอกออกผลออกมาให้กับพวกเขา อย่างมากมาย …ลูกชายทั้งสี่จึงหันมาผลิตเหล้าไวน์ขายตามพ่อของเขา และได้กลับ กลายเป็นผู้ที่ร่ำรวยขึ้นมาหลังจากนั้น…และพวกเขาก็เพิ่งจะมารู้ดีเอาตอนนี้ แล้วแหละว่า
” สมบัติที่พ่อ พูดถึงนั้น มันมิได้หมายถึงสมบัติที่มีจริง ๆ หากแต่มันหมายถึง ความสามัคคี,ความขยันขันแข็งเอาหยาดเหงื่อแรงงานเข้าแรก ในผืนแผ่นดินที่พ่อ ของพวกเขาได้เหลือทิ้งเอาไว้ให้เป็นสมบัติที่จะทำให้มีกินมีใช้ไม่มีวันหมดมากกว่านั่นเอง ”
คติสอนใจจากนิทานอีสปเรื่องนี้:
"หากเราขยันตั้งหน้าตั้งตาทำงานเป็นอย่างดีแล้วละก็ สิ่งที่จะได้มาก็คือความสุข,ความสมหวัง"