วันที่ 13 พ.ค. 2564 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้ให้นโยบายกับทั้งส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐในหลายโอกาสในประเด็นการปฏิบัติหน้าที่ภายใต้จริยธรรมที่ถูกต้องดีงามอย่างเคร่งครัดนั้น ล่าสุดนายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ และคุณสมบัติในการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุเข้ารับราชการ หรือจัดจ้างเป็นพนักงาน พนักงานราช ลูกจ้างของราชการ หรือหน่วยงานของรัฐตามแต่กรณีให้ครอบคลุมถึงพฤติกรรมและมาตรฐานทางจริยธรรมที่ถูกต้องดีงามด้วย
ทั้งนี้ เพื่อให้ได้มาซึ่งบุคลากรของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่มีความรู้ความสามารถ มีความประพฤติเหมาะสม รวมทั้งมีคุณสมบัติในการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่ดี ซึ่งจะมีส่วนช่วยแก้ไขปัญหาด้านจริยธรรมในภาคราชการและสังคมไทยในภาพรวมต่อไป
นอกจากนี้ ในการประเมินผลการปฏิบัติงานเพื่อเลื่อนเงินเดือน ค่าตอบแทน หรือเพื่อต่อสัญญาให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐนำหลักเกณฑ์ด้านความประพฤติและมาตรฐานทางจริยธรรมดังกล่าวมาประกอบการพิจารณาด้วยอย่างเคร่งครัด
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลให้ความสำคัญแนวทางการปฏิบัติหน้าที่ภายใต้จริยธรรมที่เข้มงวด โดยนอกจากข้อสั่งการการกำหนดหลักเกณฑ์และคุณสมบัติเพื่อคัดเลือกบุคคลเข้าปฏิบัติหน้าที่ในระบบราชการ และหน่วยงานของรัฐข้างต้นแล้ว เมื่อไม่นานมานี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็ได้เห็นชอบประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง เพื่อเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ ในการประพฤติปฏิบัติของข้าราชการการเมืองที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยกำหนดให้ข้าราชการการเมือง ต้องยึดมั่นในสถาบันหลักของประเทศอันได้แก่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
รวมถึงปฏิบัติหน้าที่ด้วยความชื่อสัตย์สุจริต มีจิตสำนึกที่ดีและรับผิดชอบต่อหน้าที่ กล้าตัดสินใจและกระทำในสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรม ยึดถือประโยชน์ส่วนรวมและความผาสุกของประชาชน ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ มุ่งผลสัมฤทธิ์ของงาน ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบแบบแผนของทางราชการ ปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นธรรมและไม่เลือกปฏิบัติ รวมทั้งต้องดำรงตนเป็นแบบอย่างที่ดีและรักษาภาพลักษณ์ของทางราชการ