วันนี้ (2 สิงหาคม 2564) ณ โถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เผยระยะเวลาการขยายล็อกดาวน์ในข้อกำหนดฯ ที่ประกาศใหม่จะมีผลบังคับใช้วันอังคารที่ 3 สิงหาคม 2564 โดยมีผลตั้งแต่เที่ยงคืนของวันจันทร์เป็นต้นไป โดยการประกาศฯ ให้ยึดตัวเลขวันที่ 31 สิงหาคม 2564 แต่ทีม ศบค. จะมีการติดตามผลในระยะเวลา 2 สัปดาห์ก่อน และวันที่ 18 สิงหาคมจะมีการพิจารณาประเมินผลอีกครั้ง หากผลการติดตามมาตรการเป็นไปในทางที่ดี ข้อกำหนดฯ อาจจะผ่อนคลายได้ แต่ถ้ากรณีสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นและน่าเป็นห่วง ก็จะยืดไปจนถึง 31 สิงหาคม 2564 ทั้งนี้ ขอความร่วมมืองดการเดินทาง 14 วัน หากสถานการณ์ดีขึ้นก็จะมีการผ่อนคลายมาตรการต่อไป
ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวถึงวัคซีน Pfizer ที่สหรัฐอเมริกาส่งมา ในตอนแรกที่เป็นข่าว ไทยจะต้องได้รับวัคซีน 1.54 ล้านโดส แต่ในแง่ของการจัดการ ประเทศไทยได้รับจริงในวันที่ 30 ก.ค. 64 จำนวน 1,503,450 โดส โดยได้ยืนยันตัวเลขกับทางสหรัฐอเมริกาแล้วตัวเลขตรงกัน นอกจากในส่วนของการจัดสรรที่ทางบริษัท Pfizer ระบุให้เป็นการกระตุ้นภูมิเข็มที่ 3 ให้กับบุคลากรทางการแพทย์แล้ว ในแง่ของการกระจายก็จะมีการจัดสรรไปที่กลุ่มผู้มีความเสี่ยงสูง ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว หญิงตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์เป็นต้นไป และบวกอีก 1 กลุ่มคือชาวต่างชาติที่พำนักอยู่ในประเทศไทยโดยเน้นไปที่ผู้สูงอายุ 7 กลุ่มโรค และหญิงตั้งครรภ์ รวมถึงผู้ที่จำเป็นต้องเดินทางไปต่างประเทศ ทางกระทรวงต่างประเทศเน้นย้ำว่าก่อนที่จะได้รับวัคซีน Pfizer ประเทศไทยได้มีการฉีดวัคซีนให้กับชาวต่างชาติตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นมา โดยตัวเลขชาวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนแล้ว ประมาณ 2 แสนคน
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก