นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2564 ว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมให้ผู้มีรายได้น้อยและรายได้ปานกลางเข้าถึงการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองอย่างมั่นคง ที่ผ่านมารัฐบาลได้ดำเนิน “โครงการบ้านล้านหลัง” โดยให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) ปล่อยสินเชื่อแก่ประชาชนให้สามารถซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในราคาซื้อขายไม่เกิน 1.2 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีผู้ยื่นขอสินเชื่อจนใกล้เต็มกรอบวงเงินโครงการแล้ว โดยข้อมูลตั้งแต่เริ่มโครงการ จนถึงวันที่ 21 กรกฎาคม 2564 ธอส.ได้อนุมัติสินเชื่อโครงการบ้านล้านหลังแล้ว 52,514 ราย เป็นเงิน 39,522.37 ล้านบาท จากวงเงินโครงการรวม 50,000 ล้านบาท ดังนั้น เพื่อเป็นการสนับสนุนให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในราคาและอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันมากยิ่งขึ้น ครม.จึงเห็นชอบทบทวนมติเดิมโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแห่งรัฐ (โครงการบ้านล้านหลัง) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการดังนี้
1.ปรับชื่อเป็นโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแห่งรัฐ (โครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2) พร้อมปรับกรอบรวงเงินโครงการเพิ่มจำนวน 20,000 ล้านบาท ทำให้วงเงินโครงการบ้านล้านหลังรวมทั้งสิ้น 70,000 ล้านบาท
2.ธอส.ไม่กำหนดเกณฑ์รายได้ผู้กู้ เงินงวดผ่อนชำระรายเดือนไม่เกิน 1 ใน 2 ของรายได้สุทธิต่อเดือน จากเดิมที่กำหนด (1)ผู้กู้มีรายได้ต่อเดือนไม่เกิน 25,000 บาท ผ่อนชำระรายเดือนไม่เกิน 1 ใน 2 ของรายได้สุทธิต่อเดือน (2)ผู้กู้มีรายได้ต่อเดือนเกิน 25,000 บาท ผ่อนชำระรายเดือนไม่เกิน 1 ใน 3 ของรายได้สุทธิต่อเดือน
3.ปรับอัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 1.99 ต่อปี เป็นระยะเวลา 4 ปี (จากเดิมดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 3 ต่อปี เป็นระยะเวลา 5 ปี สำหรับผู้กู้ที่มีรายได้ต่อเดือนไม่เกิน 25,000 บาท)
4.ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการออกไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 หรือจนกว่า ธอส. ให้สินเชื่อจนเต็มวงเงินโครงการ จากเดิมสิ้นสุด 31 ธันวาคม 2564
นอกจากนี้ ครม.ได้อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี จำนวน 700 ล้านบาท เพื่อชดเชยให้ ธอส. สำหรับส่วนต่างระหว่างรายได้ดอกเบี้ยรับตามแผนวิสาหกิจของ ธอส. กับรายได้ดอกเบี้ยรับจากโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแห่งรัฐ (โครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2)
นางสาวรัชดากล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมให้กระทรวงการคลังติดตามการดำเนินโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 อย่างใกล้ชิด และกำกับดูแลให้ ธอส. พิจารณาอนุมัติสินเชื่อ โดยมุ่งเน้นผู้กู้ที่ยังไม่เคยมีที่อยู่อาศัยมาก่อนเป็นอันดับแรก