นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2564 ตนได้เป็นประธานการประชุมนัดแรก คณะกรรมการประสานงานแก้ไขปัญหาหนี้สินของกองทุนให้การกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) โดยตนได้ลงนามแต่งตั้ง เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2564 มี นายวิวรรธณไชย ณ กาฬสินธุ์ คณะที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม เป็นประธาน น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วยรมว.ยุติธรรม นายธนวัชร นิติกาญจนา ที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม และนายโฆสิต สุวินิจจิต คณะที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม เป็นที่ปรึกษา มีรองอธิบดีกรมบังคับคดี รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิฯ ที่ได้รับการมอบหมาย เป็นรองประธาน ส่วนคณะกรรมการ ประกอบด้วย ผู้จัดการกองทุน กยศ. ผู้ตรวจกรมบังคับคดี ผอ.สำนักงานบังคับคดีแพ่งกรุงเทพ 6 ผอ.กองส่งเสริมการระงับข้อพิพาท ผอ.กองพัฒนาระบบการบังคับคดีและประเมินทรัพย์ ผู้แทนกองทุน กยศ. เจ้าหน้าที่ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท และเจ้าหน้าที่กรมคุ้มครองสิทธิฯ โดยมีหน้าที่พิจารณาให้ข้อคิดเห็น เสนอแนะ แผนการดำเนินงานและแนวทางเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สิน กยศ. มีอำนาจเรียกหน่วยงานหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล รวมทั้งติดตามและตรวจสอบการดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาหนี้สินด้วย
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลเป็นห่วงเรื่องปัญหาหนี้ กยศ. และตนสนใจว่าทำไมหนี้ถึงมีเยอะ โดยเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และกรมบังคับคดี หากเราจัดระเบียบให้เกิดความชัดเจน จะช่วยเหลือประชาชนได้อย่างมากโดยเฉพาะผู้ค้ำประกัน ที่ผ่านมาเราได้ยินปัญหาบ่อยๆว่า ครูบาอาจารย์เห็นอกเห็นใจลูกศิษย์ และเป็นผู้ค้ำประกันให้ แต่เมื่อเรียนเสร็จบางคนไปอยู่ต่างประเทศ ไม่ได้ส่งเงิน ทำให้เป็นความเศร้าใจของผู้ค้ำประกัน ซึ่งครู อาจารย์เหล่านั้นเป็นผู้ให้โอกาสกับลูกศิษย์ เมื่อเรามีโอกาส มีกฎหมายการไกล่เกลี่ย และตนมีใบอนุญาตการไกล่เกลี่ย ก็อยากจะแสดงฝีมือ จึงเชิญหน่วยงานทั้งหลายที่เกี่ยวข้องมาช่วยกัน ซึ่งขณะนี้มีผู้กู้ กยศ.ประมาณ 6 ล้านราย มีที่ต้องเร่งดำเนินการให้เร็วประมาณ 70,000 ราย ซึ่งเราต้องทำในส่วนที่จำเป็นเร่งด่วนก่อน ส่วนที่เหลือเราต้องเร่งทำเมื่อเราชำนาญแล้ว
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า จากการประชุมตนได้ทราบว่า ที่ผ่านมามีผู้ที่กู้ กยศ.ประมาณ 6 ล้านราย ยอดกู้เป็นเงิน 670,357 ล้านบาท ปิดยอดการกู้ไปแล้ว 1.5 ล้านกว่าราย อยู่ระหว่างการเรียน 8 แสนกว่าราย อยู่ระหว่างการผ่อนชำระ 3.5 ล้านราย แต่มีการผิดนัดชำระ 2.3 ล้านราย โดยมี 260,066 คดีอยู่ในการบังคับคดี ซึ่งในส่วนนี้ทางกรมบังคับคดีจะเร่งช่วยเหลือในการไกล่เกลี่ย ส่วนคนที่ยังไม่ถูกฟ้อง ทางกยศ. มีการปรับโครงสร้างหนี้ให้ โดยสามารถผ่อนชำระได้ถึงอายุ 65 ปี โดยสามารถไปยื่นเรื่องได้ที่ กยศ. ซึ่งขณะนี้มีผู้มายื่นเรื่องแล้วประมาณ 2 แสนราย โดยเพื่อการอำนวยความสะดวกให้ประชาชน เราอาจจะมีการจัดโครงการนำร่องที่ต่างจังหวัดสัก 2-3 จังหวัด เพื่อบริการประชาชนให้มายื่นเรื่องของปรับโครงสร้างหนี้และไกล่เกลี่ย โดยจะมี กรมบังคับคดี กรมคุ้มครองสิทธิฯ และ กยศ. ไปลงพื้นที่รับเรื่อง หากได้ผลการตอบรับที่ดีเราจะจัดกระจายไปยังพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งตอนนี้ได้ให้หน่วยงานต่างๆไปหารือรายละเอียดและจะมาพูดคุยกันในการประชุมครั้งต่อไป