ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. ชี้ความต้องการสินค้าในช่วงเทศกาลปีใหม่สถานการณ์อุทกภัยที่คลี่คลายแล้ว การจับจ่ายภายในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ราคาสินค้าเกษตรเดือนธันวาคม 2564 ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยางพาราแผ่นดิบ มันสำปะหลังสุกร และกุ้งขาวแวนนาไม มีแนวโน้มราคาเพิ่มขึ้น ด้านข้าวเปลือกเหนียว น้ำตาลทรายดิบ ปาล์มน้ำมัน และโคเนื้อ มีแนวโน้มราคาปรับลดลง
นายสมเกียรติ กิมาวหารองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรในเดือนธันวาคม 2564 โดยสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% ราคาอยู่ที่ 7,736 - 7,944 บาท/ตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.44 - 3.14 เนื่องจากราคาข้าวขาวของประเทศไทยในตลาดโลกสามารถแข่งขันกับประเทศคู่แข่งได้เป็นอย่างดี ประกอบกับความต้องการของประเทศผู้นำเข้าในแถบทวีปแอฟริกา ทวีปเอเชีย และตะวันออกกลาง ยังมีความต้องการข้าวอย่างต่อเนื่องเพื่อไว้ใช้ในช่วงเทศกาลปลายปีข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาอยู่ที่ 9,750 - 9,768 บาท/ตันเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 3.91 - 4.10 เพราะประเทศฮ่องกงซึ่งเป็นผู้นำเข้าข้าวหอมมะลิรายใหญ่ของประเทศไทยเร่งนำเข้าข้าวหอมมะลิฤดูกาลใหม่เพื่อใช้ในช่วงเทศกาลปีใหม่และเทศกาลตรุษจีนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ราคาอยู่ที่ 8.76 - 8.85 บาท/กก.เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.60 - 1.60 เนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดลดลงจากเดือนก่อน ขณะที่ความต้องการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพื่อผลิตอาหารสัตว์ยังคงเพิ่มขึ้นตามความต้องการบริโภคและส่งออกสินค้าปศุสัตว์ที่ปรับเพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลปีใหม่ ประกอบกับสัญญาข้าวสาลีส่งมอบเดือนมีนาคม 2565 เพิ่มขึ้น 3.5 เซนต์ หรือร้อยละ 0.42 จะส่งผลให้ผู้ประกอบการมีความต้องการสต็อกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศเพิ่มขึ้น
ยางพาราแผ่นดิบชั้น 3 ราคาอยู่ที่ 52.61-54.53 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 1.93-5.66 เนื่องจากปริมาณฝนโดยรวมของทั้งประเทศไทยจะกลับมาใกล้เคียงค่าปกติ ยกเว้นภาคใต้ฝั่งตะวันออกซึ่งเป็นแหล่งผลิตยางพาราที่สำคัญมีปริมาณฝนสูงกว่าค่าปกติประมาณร้อยละ 10 ส่งผลต่อการกรีดยางพารา ทำให้ยางพาราออกสู่ตลาดลดลงรวมถึงมีการระบาดของโรคใบร่วงชนิดใหม่ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสหลังจากที่เคยระบาดเป็นพื้นที่วงกว้างในประเทศอินโดนีเซียและมาเลเซียมันสำปะหลัง ราคาอยู่ที่ 2.22 - 2.32 บาท/กก.เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 2.78 - 7.41 เนื่องจากเป็นช่วงต้นฤดูกาลผลิตมันสำปะหลัง ปี 2564/65 ผลผลิตยังออกสู่ตลาดไม่มาก ขณะที่ลานมันสามารถกลับมาดำเนินการซื้อขายได้ตามปกติ หลังจากปัญหาอุทกภัยเริ่มคลี่คลาย ประกอบกับความต้องการใช้มันสำปะหลังของจีนยังสูงต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคามันสำปะหลังเพิ่มขึ้นสุกร ราคาอยู่ที่ 72.82 - 73.38 บาท/กก.เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.36-1.13 เนื่องจากความต้องการบริโภคในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันหยุดยาว รวมไปถึงเริ่มมีมาตรการคลายล็อกดาวน์ ซึ่งทำให้ความต้องการเนื้อสุกรของร้านอาหารและธุรกิจการท่องเที่ยวเพิ่มสูงขึ้นและกุ้งขาวแวนนาไม ราคาอยู่ที่ 149.64 - 157.47 บาท/กก.เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 3.20 - 8.60 เนื่องจากความต้องการบริโภคที่ปรับเพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลท่องเที่ยว ประกอบกับผลผลิตกุ้งบางพื้นที่ยังได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม และต้นทุนค่าอาหารกุ้งที่สูงขึ้น จากบริษัทผู้ผลิตอาหารกุ้งจะปรับราคาอาหารกุ้งเพิ่มขึ้นร้อยละ 3-5 จากราคาวัตถุดิบในการผลิต ส่งผลให้เกษตรกรลดปริมาณการเลี้ยงกุ้งลง
ด้านสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวลดลง ได้แก่ข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ราคาอยู่ที่ 7,263 - 7,395 บาท/ตัน ลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.75 - 2.52 เนื่องจากผลผลิตข้าวเปลือกเหนียวนาปีออกสู่ตลาดในช่วงที่ผ่านมามากเกินความต้องการใช้ข้าวเหนียวเพื่อการบริโภคภายในครัวเรือนและแปรรูปภายในประเทศน้ำตาลทรายดิบตลาดนิวยอร์กราคาอยู่ที่ 19.20 - 19.87เซนต์/ปอนด์ (13.99- 14.49 บาท/กก.)ลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 1.20 - 4.52เนื่องจากทิศทางราคาน้ำมันดิบที่คาดว่าจะปรับลดลง จากประเทศผู้ใช้น้ำมันหลักระบายน้ำมันออกจากคลังสำรองส่งผลให้ความต้องการเอทานอลปรับตัวลดลงตามไปด้วย จึงเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการของประเทศบราซิลเพิ่มสัดส่วนการนำอ้อยไปผลิตน้ำตาล ส่งผลให้ปริมาณน้ำตาลมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยหนุนที่อาจทำให้ราคาน้ำตาลปรับเพิ่มขึ้นได้จากความต้องการนำเข้าของหลายประเทศ เพราะปริมาณน้ำตาลของประเทศผู้บริโภคเริ่มลดลงและค่าระวางเรือที่มีการปรับลดลงทำให้ต้นทุนการนำเข้าน้ำตาลลดลงปาล์มน้ำมันราคาอยู่ที่7.88 - 8.38 บาท/กก.ลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 3.90 - 9.63 เนื่องจากมาตรการภาครัฐขอความร่วมมือผู้ประกอบการโรงสกัดตรึงราคาน้ำมันปาล์มดิบเนื่องจากราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวดปรับตัวสูงขึ้นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้บริโภคโดยเฉพาะในกลุ่มร้านอาหาร และผู้บริโภคในครัวเรือนที่ได้ผลกระทบหลักและโคเนื้อราคาอยู่ที่94.50 - 95.00 บาท/กก.ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.23 - 0.76 เนื่องจากรูปแบบการบริโภคของคนไทยเปลี่ยนแปลงไปหลังจากโควิด-19 โดยลดการรับประทานอาหารนอกบ้าน ประกอบกับมาตรการนำเข้าโคเนื้อที่ยังคงเข้มงวดของประเทศจีน จะส่งผลกระทบต่อปริมาณการส่งออกโคเนื้อของไทยจึงเป็นปัจจัยกดดันราคาโคเนื้อให้ปรับลดลง