นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ว่า ปัจจุบันอัตราเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายรายบุคคลที่อุดหนุนให้แก่นักเรียนพิการในโรงเรียนเอกชนต่ำกว่าเงินอุดหนุนที่นักเรียนภาครัฐได้รับ เนื่องจากการอุดหนุนในส่วนของเงินสมทบที่เป็นเงินเดือนครูโรงเรียนเอกชนยังใช้สัดส่วนครูต่อนักเรียนพิการเท่ากับโรงเรียนทั่วไป คือระดับก่อนประถมและประถมศึกษา ใช้ครู 1 คน ต่อนักเรียน 25 คน ระดับมัธยมศึกษาใช้ครู 1 คน ต่อนักเรียน 20 คน ขณะที่สัดส่วนข้าราชการครูในโรงเรียนสอนคนพิการของรัฐ กำหนดสัดส่วนความบกพร่องทางการมองเห็น การได้ยิน ทางร่างกาย ใช้ครู 1 คน ต่อนักเรียนพิการ 5 คน บกพร่องทางสติปัญญาใช้ครู 1 คน ต่อนักเรียนพิการ 4 คน และออทิสติก ใช้ครู 1 คน ต่อนักเรียนพิการ 3 คน จึงส่งผลให้โรงเรียนเอกชนมีภาระด้านเงินเดือนครูสูงกว่าโรงเรียนทั่วไป
ดังนั้น เพื่อเป็นการแก้ปัญหาดังกล่าว ครม.จึงมีมติเห็นชอบปรับเพิ่มอัตราเงินอุดหนุนรายบุคคลสำหรับนักเรียนพิการในโรงเรียนเอกชน ประเภทสามัญศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) และโรงเรียนเอกชนประเภทอาชีวศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ในปีงบประมาณ 2566 รวมทั้งสิ้น 118.74 ล้านบาท แบ่งเป็นประเภทสามัญศึกษา จำนวน 106.61 ล้านบาท และประเภทอาชีวศึกษา จำนวน 12.13 ล้านบาท โดยปรับเพิ่มค่าจ้างครูและผู้ช่วยครูในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานสำหรับนักเรียนพิการของโรงเรียนเอกชน ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้