(1). ออกแรง-ออกกำลังเป็นประจำ อย่างน้อยเทียบเท่าการเดินเร็ว 30 นาที/วัน
การออกแรง-ออกกำลังหนัก เช่น วิ่ง ขึ้นลงบันได ฯลฯ มีแนวโน้มจะป้องกันอ้วนลงพุงได้ดีกว่าการออกแรง-ออกกำลังเบาๆ เช่น เดินช้าๆ ฯลฯ
การออกกำลังเป็นช่วงๆ แล้วนำเวลาสะสมกันคล้ายๆ กับการเปิดบัญชีออมทรัพย์(สุขภาพ) เช่น เดินเร็ว 10 นาที 3 ยกๆ รวมกันเป็น 30 นาที ฯลฯ ก็ใช้ได้
การออกกำลังหลายๆ รูป เช่น เดินเร็ว 30 นาที/วัน, ขึ้นลงบันได 4 นาที/วัน ฯลฯ ได้ผลดีมากกว่าการออกกำลังแบบเดียว เช่น เดินเร็ว ฯลฯ อย่างเดียว
(2). ไม่นั่งนิ่งนานๆ ลุกขึ้น และเบรค (พักการนั่ง) ทุกๆ 1-2 ชั่วโมง เช่น เดินไปเข้าห้องน้ำ ขึ้นลงบันได 1 ชั้น ฯลฯ
(3). ลดอาหารทอด เนื้อสำเร็จรูป (มักจะมีไขมันสัตว์ปน) เช่น หมูแผ่น หมูยอ หมูหยอง ไส้กรอก เบคอน ฯลฯ
(4). ไม่กินเมล็ดพืช (เมล็ดพืชมีคุณค่าสูง และมีน้ำมันสูงเช่นกัน) เช่น เมล็ดทานตะวัน ฯลฯ มาก หรือกินบ่อยเกินไป
(5). ลดอาหารกลุ่ม "ข้าว-แป้ง-น้ำตาล" โดยลดลง 1/4 ตั้งแต่อายุ 25 ปีขึ้นไป เพื่อป้องกันโรคอ้วน และอ้วนลงพุง โดยเติมผักหลายๆ ชนิด ทั้งผักใบเขียว ผักกินง่าย เช่น แตงกวา มะเขือเทศ แครอท ฯลฯ ไปแทน
(6). อิ่มแล้วเดินเล่นแบบที่โบราณเรียกว่า "เดินย่อยอาหาร (เดินช้าๆ ไม่ใช่เดินเร็ว)" เช่น เดินเล่นกับน้องหมา ฯลฯ 10 นาทีหลังอาหาร เพื่อเพิ่มระดับความถีบ หรือการไม่อยู่นิ่งนาน เช่น ไม่นั่งนาน ฯลฯ (being active)
(7). สูตรลดความอ้วนที่ได้ผลดี คือ สูตร "ผักครึ่งหนึ่ง-อย่างอื่นครึ่งหนึ่ง" ของไทย, และสูตร "ข้าวคำ-ผักคำ (กินสลับกัน)" ของเวียดนาม
(8). ไม่นั่งดู TV เฉยๆ เช่น ดูไปใช้ลู่วิ่ง-เดินไฟฟ้าไป ดูไปปั่นจักรยานออกกำลังไป นั่งเตะขาหรือแกว่งขาไป (เหยียดขาไปข้างหน้า แล้วแกว่งขึ้นลงไปเรื่อยๆ ไม่จำเป็นต้องแกว่งเร็ว) ฯลฯ
ขอบคุณข้อมูล จาก
http://health2u.exteen.com/