การสร้างเกราะป้องกันโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ให้ลูกน้อยด้วยการฉีดวัคซีนเป็นสิ่งจำเป็น เพราะวัคซีนจะทำหน้าที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดภูมิต้านทาน และปกป้องลูกน้อยของคุณจากการเจ็บป่วยต่างๆได้ เด็กทุกคน ควรได้รับวัคซีนตั้งแต่แรกเกิด คุณแม่สามารถทราบได้จากกุมารแพทย์ว่าลูกควรได้รับวัคซีนพื้นฐานหรือวัคซีนจำเป็นเมื่อใดชนิดใดบ้าง ประกอบกับเทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบันก้าวหน้าขึ้น วัคซีนสำหรับเด็กตั้งแต่แรกเกิดจึงมีมากขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะวัคซีนเสริมเพื่อให้เด็กมีสุขภาพที่แข็งแรงยิ่งๆ ขึ้นดังนี้
วัคซีนเด็กพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับลูกน้อย
วัคซีนขั้นพื้นฐานคือวัคซีนจำเป็นที่เด็กทุกคนควรจะได้รับตามคำแนะนำของสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย 2561ตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขที่กำหนดไว้ เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็กไทยในแต่ละช่วงวัยดังนี้
• วัคซีนวัณโรค(BCG) จะฉีดเมื่อแรกคลอด ส่วนมากฉีดที่โรงพยาบาลก่อนกลับบ้านบริเวณที่ไหล่ซ้ายหรือสะโพก
• วัคซีนตับอักเสบบี(HBV) ควรฉีดตั้งแต่แรกเกิดและ 1เดือน 6 เดือน ตามลำดับ
• วัคซีนคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน (DPT) ควรฉีดตามช่วงอายุตั้งแต่ 2, 4 และ 6 เดือน และฉีดเพื่อกระตุ้นการทำงานของวัคซีนอีกครั้งในช่วงอายุ 1 ปี 6 เดือน, 4-6 ปี และ 11-12 ปี (ฉีดเฉพาะบาดทะยัก-คอตีบ)
• วัคซีนโปลิโอ มีด้วยกัน 2 ชนิด คือ ชนิดกิน และชนิดฉีดควรให้ตามช่วงอายุตั้งแต่ 2, 4, 6 เดือน, 1 ปี 6 เดือน และ 2 ปี ครึ่งตามลำดับ
• วัคซีนหัด-หัดเยอรมัน-คางทูม(MMR) / วัคซีนไข้สมองอักเสบเจอี (JE) ควรฉีดตามช่วงอายุคือ 1ปี และ 2 ปี 6 เดือน
• วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ควรฉีดในเด็กปีละครั้ง ตั้งแต่อายุ 6 เดือน ถึง 18 ปี สำหรับเด็กในปีแรกฉีด2 เข็ม และห่างกัน 4 สัปดาห์
• วัคซีนเอชพีวี(HPV) เป็นวัคซีนที่ช่วยป้องกันการติดเชื้อเอชพีวี สาเหตุสำคัญของมะเร็งปากมดลูก โดยสามารถป้องกันได้ร้อยละ 70-90 ชนิด 2 สายพันธุ์เฉพาะเด็กผู้หญิงเท่านั้น และชนิด 4 สายพันธุ์จะเพิ่มป้องกันหูดอวัยวะเพศได้ด้วย ใช้ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ช่วงวัยที่เหมาะสมที่แนะนำคือ 9 ปีขึ้นไป
วัคซีนเสริมเพิ่มภูมิต้านทานโรคอื่นๆ
เพื่อให้เด็กมีสุขภาพแข็งแรงยิ่งขึ้น วัคซีนเสริมหรือวัคซีนทางเลือกจึงมีบทบาทสำคัญในการป้องกันโรค ข้อดีของวัคซีนเสริมคือมีวัคซีนชนิดรวมฉีดเข็มเดียวแทนการแยกฉีดหลายเข็ม ลูกน้อยของคุณจึงเจ็บตัวน้อยครั้ง และคุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปโรงพยาบาลบ่อยๆ วัคซีนเสริมที่แนะนำดังนี้
• วัคซีนโรต้า มีด้วยกัน 2 ชนิด คือ Monovalent (Human) ให้กิน 2 ครั้ง เมื่ออายุประมาณ 2และ 4 เดือน และชนิด pentavalent (Bovine- Human) ให้กิน 3 ครั้ง เมื่ออายุประมาณ 2,4,6 เดือน
• วัคซีนนิวโมคอคคัส ป้องกันปอดอักเสบ เยื้อหุ้มสมองอักเสบ
- PCV ฉีดช่วงอายุ 2 46 เดือน และกระตุ้น 12-15 เดือน - PS23 ฉีดช่วงอายุ 2 ปี ขึ้นไป
• วัคซีนฮิบ(Haemophilusinfluenzae type b) ควรฉีดตามช่วงอายุตั้งแต่ 2, 4 และ 6 เดือน และฉีดเพื่อกระตุ้นการทำงานของวัคซีนอีกครั้งในช่วงอายุ 1 ปี 6 เดือน
• วัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใส ควรฉีดในเด็กตามช่วงอายุ ตั้งแต่ 12 -18 เดือน และ4-6 ปี ตามลำดับ รวมทั้งหมด 2 เข็ม
• วัคซีนตับอักเสบ เอ ฉีดช่วงอายุ 1 ปีขึ้นไป และเข็มที่ 2 ห่างกัน 6- 12 เดือน
• วัคซีนไข้เลือดออก ฉีดช่วงอายุ 9 ปีขึ้นไป ฉีด 3 เข็ม เดือนที่ 0 ,6, 12 ในผู้ที่เคยมีการติดเชื้อมาก่อน
การปฏิบัติตัวสำหรับการรับวัคซีน
• ควรนำสมุดบันทึกวัคซีนมาด้วยทุกครั้ง
• ไม่ควรรับวัคซีนขณะที่มีไข้สูง หรือเจ็บป่วยเฉียบพลัน ยกเว้นเป็นหวัด ท้องเสียโดยไม่มีไข้สามารถรับ วัคซีนได้
• หลังรับวัคซีนควรอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อย 30นาทีเพื่อดูปฏิกิริยาแพ้ยา
• หากเคยฉีดยาแล้วมีอาการแพ้ยา แพ้อาหาร เช่น มีอาการแพ้ไข่แบบรุนแรง กรุณาแจ้งกุมารแพทย์หรือพยาบาล