วันนี้ (28 เมษายน 2565) เวลา 15.00 น. ที่ ห้องประชุมอเนกประสงค์ ชั้น 3 สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จ.นนทบุรี นายลวรณ แสงสนิท ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล พร้อมด้วยนายธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการและโฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล และ พันโท หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ร่วมกันแถลงต่อผู้สื่อข่าว ถึงความคืบหน้ามาตรการแก้ไขปัญหาจำหน่ายสลากเกินราคา และการดำเนินการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลผ่านแพลตฟอร์มจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลหรือสลากดิจิทัล (Digital Lottery) ผ่านแอปพลิเคชันของภาครัฐ
นายลวรณ แสงสนิท ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการสลาก 80 ล่าสุดเปิดให้บริการแล้ว จำนวน 209 จุด ในกทม. และภาคกลาง และในงวดวันที่ 1 มิถุนายน 2565 จะมีเพิ่มอีก 151 จุด ในส่วนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ระหว่างการจัดทำสัญญาอีก 48 ราย ในภาคตะวันออก และจะเดินทางไปคัดเลือกที่ภาคเหนือ และภาคใต้ อีกประมาณ 1,500 ราย ภายในเดือนพฤษภาคม 2565 เพื่อให้โครงการสลาก 80 ทั่วทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ส่วนโครงการลงทะเบียนผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าฯ ที่มีผู้สมัครเข้ามาทั้งรายเก่าและรายใหม่จำนวนกว่า 1 ล้านราย ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบคุณสมบัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และยืนยันการเป็นผู้ขายจริง คาดว่าต้องใช้เวลาในการดำเนินการอีกระยะหนึ่ง
สำหรับโครงการจำหน่ายสลากผ่านแพลตฟอร์มนั้น ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า เป็นความร่วมมือระหว่าง สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลกับธนาคารกรุงไทย ในการพัฒนาแพลตฟอร์มจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยจะใช้แอปพลิเคชันของภาครัฐคือ แอปถุงเงินและแอปเป๋าตัง เป็นหลักใช้โครงข่ายการเชื่อมโยงในโครงการ Block chain ของกระทรวงการคลัง โดยที่ตัวแทนจำหน่ายหรือผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าฯ จะเข้าไปเป็นร้านค้าในแอปถุงเงิน และประชาชนทั่วไปจะสามารถซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลได้ในแอปเป๋าตัง ปัจจุบันประชาชนใช้งานแอปเป๋าตังประมาณ 30 ล้านบัญชี สำหรับระยะเริ่มต้น งวดวันที่ 16 มิถุนายน 2565 ที่จะเปิดจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน 2565 นั้น จะมีสลากจำนวนไม่น้อยกว่า 5,000,000 ฉบับ
ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวต่อไปอีกว่า การจำหน่ายสลากฯ ผ่านแพลตฟอร์ม เป็นเพียงการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายเท่านั้น แต่รูปแบบผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายยังคงเป็นสลากกินแบ่งรัฐบาลแบบใบ ที่มีการจัดการเกี่ยวกับกระบวนการต่าง ๆ เหมือนเดิม เป็นการจำหน่ายสลากฯ ผ่านระบบตัวแทนจำหน่าย และระบบซื้อ-จองล่วงหน้าสลากฯ เช่นเดิม รวมทั้งมีการจัดสรรเงินรางวัลที่ได้รับจากการจำหน่ายสลาก การออกรางวัลเดือนละ 2 ครั้ง และการจ่ายเงินรางวัล ก็ยังคงไว้ซึ่งในรูปแบบเดิมเช่นเดียวกัน โดยใช้สลากกินแบ่งรัฐบาลแบบใบ เป็นหลักฐานในการขอรับเงินรางวัลของผู้ถูกรางวัล
การจำหน่ายสลากบนแพลตฟอร์ม จะทำให้ผู้ซื้อ สามารถซื้อสลากได้ในราคา 80 บาท และมีสลากให้เลือกซื้อเลขได้มากขึ้น มีช่องทางที่สะดวกและเชื่อถือได้ เนื่องจากเป็นแอปพลิเคชันของภาครัฐที่มีความปลอดภัย สำหรับสลากที่ซื้อก็มีการบันทึกข้อมูลไว้ แสดงสิทธิในตัวสลาก ไม่ต้องกังวลหากสลากหาย หรือการเรียกร้องสิทธิในตัวสลาก อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มการใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวันตามวิถีดิจิตัลยุคใหม่ ลดความเสี่ยงในการสัมผัสจับเงินสดและตัวสลากตามวิถีใหม่ด้วย ในส่วนของผู้ขาย ก็จะได้ประโยชน์จากการนำสลากมาขายบนแพลตฟอร์ม ที่ทำให้มีช่องทางในการขายเพิ่มขึ้น ลดค่าใช้จ่ายในการขาย ซึ่งจากเดิมที่อาจจะขายบนแผงหรือเดินเร่ขาย มาเป็นขายบนแพลตฟอร์มซึ่งไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ และยังเป็นการเพิ่มโอกาสในการขาย เนื่องจากอัตราในการเห็น (eyeballs) เพิ่มมากขึ้น ก็จะมีโอกาสถูกเลือกซื้อมากขึ้นกว่าการวางขายแค่บนแผงของตัวเอง ประกอบกับมีเวลาในการขายมากขึ้น ตั้งแต่ 06.00 น. - 23.00 น. ทุกวัน จนถึงก่อนเวลา 14.00 น.ของวันออกรางวัล นอกจากนี้ ยังเป็นการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค(ผู้ซื้อ) ตามวิถีชีวิตคนรุ่นใหม่ที่นำเทคโนโลยีดิจิตัลมาใช้อำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันด้วย
สำหรับขั้นตอนและรายละเอียดในการดำเนินการนั้น พันโท หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า จะเริ่มทดสอบระบบเป็นการนำร่อง 2 ครั้ง (2 งวด) เป็นระบบปิด โดยครั้งแรก จะทดสอบระบบด้วยการนำสลากงวดวันที่ 16 พฤษภาคม 2565 จำนวนไม่น้อยกว่า 4,500 ฉบับ จากตัวแทนจำหน่ายรายย่อย และสมาคม/องค์กร โดยขั้นตอนจะเริ่มจากการสแกนสลาก 3 - 6 พฤษภาคม 2565 และเริ่มจำหน่าย 10 - 16 พฤษภาคม 2565 และจะทำการทดสอบการจำหน่ายสลากบนแพลตฟอร์ม ครั้งที่ 2 สลากงวด 1 มิถุนายน 2565 ด้วยจำนวนสลากเท่าครั้งแรก และมีขั้นตอนเช่นเดียวกัน จากนั้น จะเป็นการจำหน่ายจริง งวด 16 มิถุนายน 2565 จำนวนสลากไม่น้อยกว่า 5,000,000 ฉบับ โดยจะใช้เวลาในการสแกนสลาก 6 วัน ช่วง 27 พฤษภาคม–1 มิถุนายน 2565 และเริ่มจำหน่ายวันที่ 2 มิถุนายน 2565 ในเบื้องต้น สำนักงานสลากฯ จะเปิดรับสมัครตัวแทนจำหน่ายสลากผ่านแพลตฟอร์มจำหน่ายฯ ตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป โดยผู้สมัครจะต้องเป็น ตัวแทนจำหน่ายสลากรายเดิม หรือผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าฯ ปี 2558 ที่ยืนยันรับสิทธิ์ผ่านแอป "เป๋าตัง" แล้ว และผู้สมัครจะต้องลงทะเบียนใช้งาน "ถุงเงิน" และ "เป๋าตัง" แล้ว
นายธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการและโฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า แพลตฟอร์มจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือสลากดิจิทัล เป็นระบบ ซื้อ-ขายสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่มีการนำเอาสลากกินแบ่งรัฐบาลแบบใบที่มีจำหน่ายในปัจจุบันมาสแกนเป็นภาพสลากและชุดข้อมูลสลาก ประกอบด้วย งวดวันที่ งวดที่ ชุดที่ เล่มที่ และหมายเลขสลาก นำเข้าสู่ระบบแพลตฟอร์มจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยใช้ภาพสลากและชุดข้อมูลสลาก เป็นข้อมูลอ้างอิงแทนสลากฉบับจริง โดยที่สลากฉบับจริงนั้น จะถูกจัดเก็บไว้ที่สำนักงานสลากฯ เพื่อใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงกับชุดข้อมูลสลากฯ ในแพลตฟอร์มจำหน่ายสลากฯ สำหรับแพลตฟอร์มจำหน่ายสลากฯ หรือสลากดิจิทัล นั้น จะทำการซื้อ-ขายสลากฯ ตามราคาที่สำนักงานกำหนดไม่เกิน 80 บาทต่อฉบับ และผู้ซื้อ-ขายสลากฯ ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี ชำระเงินค่าสลากฯ ผ่านระบบรับชำระเงินในแพลตฟอร์มเท่านั้น ไม่รับเงินสด เมื่อผู้ซื้อสลากฯ ถูกรางวัล สามารถมารับเงินรางวัลด้วยตนเองได้ที่สำนักงานสลากฯ โดยสลากฉบับจริงจะอยู่ที่สำนักงานเพื่อใช้ในการอ้างอิงผลรางวัลและการรับเงินรางวัลของผู้ถูกรางวัล หรือจะขอรับเงินรางวัลผ่านการโอนเงินของธนาคารกรุงไทยก็ได้ โดยจะมีค่าธรรมเนียมร้อยละ 1
กรรมการและโฆษกคณะกรรมการสลากฯ กล่าวต่อไปอีกว่า สำหรับการติดตามและประเมินผลโครงการนั้น สำนักงานฯ ได้เตรียมการสร้างแบบฟอร์มและช่องทางการติดต่อสื่อสาร รวมถึงการลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบไว้แล้ว อย่างไรก็ตาม จำนวนสลาก 5 ล้านฉบับ ที่จะเริ่มจำหน่ายงวดวันที่ 16 มิถุนายน 2565 เป็นเพียงปริมาณที่กำหนดไว้ในระยะแรกเท่านั้น โดยมุ่งหมายที่จะให้เกิดประโยชน์กับประชาชนผู้ซื้อให้ได้มากที่สุด และคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับผู้ขายสลากทั้งที่ขายอยู่ในแพลตฟอร์ม และที่ไม่ได้อยู่ในแพลตฟอร์มด้วย ทั้งนี้ ในระยะต่อไป หากมีตัวแทนจำหน่ายหรือผู้ซื้อจองฯ มีความสนใจจำหน่ายสลากบนแพลตฟอร์มมากขึ้น สำนักงานสลากฯ ก็พร้อมดำเนินการเพื่อประโยชน์ของทุกฝ่าย