ทุกเย็นเมื่อกลับจากโรงเรียน ข้าวโพดจะอ่านหนังสือเพื่อทบทวนสิ่งที่ได้เรียนรู้มาในแต่ละวัน เสร็จแล้วก็จะอ่านหนังสือเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเรียนในวันต่อไป ทำให้ข้าวโพดมีผลการเรียนที่ดีตลอดมา แม้ว่าข้าวโพด จะเป็นเด็กที่ขยันเรียน แต่ในใจลึกๆข้าวโพด ก็นึกอยากได้ของวิเศษสักชิ้นเพื่อช่วยให้ตนเองเรียนเก่งขึ้นเหมือนในนิทาน ที่เคยฟังเมื่อยังเด็ก
และ แล้วช่วงเวลาปิดเทอมใหญ่ที่เด็กๆทุกคนรอคอยก็มาถึง สำหรับข้าวโพดก็รอคอยที่จะได้เดินทางไปท่องเที่ยวและเรียนรู้ตามที่ต่างๆ เช่นกัน ปิดเทอมนี้ครอบครัวของข้าวโพดพากันไปเที่ยวทะเล ข้าวโพดสนุกสนานกับการเล่นน้ำทะเล และเดินดูเปลือกหอยที่อยู่ตามชายหาดอย่างตื่นเต้น เด็กชายวาดรูปเปลือกหอยชนิดต่างๆ ไว้ในสมุดบันทึก เพื่อจะได้นำรูปนั้นกลับมาค้นคว้าว่าเปลือกหอยที่เจอคือหอยอะไรบ้าง
ระหว่างที่ข้าวโพดง่วนอยู่กับการวาดรูปเปลือกหอย เด็กชายแปลกหน้าคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาข้าวโพด พร้อมกับถามด้วยความสงสัยว่า
"เธอวาดรูปเปลือกหอยทำไมเหรอ ฉันไม่เห็นว่ามันจะสวยตรงไหนเลย" เด็กชายแปลกหน้าเอ่ยถาม
ข้าวโพดจึงตอบไปว่า "ฉันก็วาดรูปเอาไว้ พอกลับไปถึงบ้าน ฉันก็จะไปดูในหนังสือว่าเปลือกหอยแบบนี้เป็นเปลือกหอยอะไรไง"
เด็ก ชายแปลกหน้าได้ยินดังนั้นจึงหัวเราะ และบอกกับข้าวโพดว่าตนเองรู้จักเปลือกหอยทุกชนิด และจำได้หมดโดยไม่ต้องบันทึกให้เสียเวลา เพราะมีก้อนหินวิเศษ ที่ช่วยให้จดจำทุกอย่างได้อย่างรวดเร็ว
"ไม่เชื่อก็ลองชี้เปลือกหอยตามชายหาด หรือรูปที่เธอวาดดูสิ ฉันจะบอกชื่อให้ถูกหมดเลย"
"นี่ไงก้อนหินวิเศษของฉัน" เด็กชายแปลกหน้าแบบมืออวดก้อนหินรูปร่างประหลาดให้ข้าวโพดดู ข้าวโพดรู้สึกตื่นเต้นและนึกอยากได้ก้อนหินวิเศษนี้บ้าง "ฉันจะหามันได้จากที่ไหน" ข้าวโพดถามด้วยความสนใจ
เด็ก ชายแปลกหน้าจึงพาข้าวโพดเดินหาก้อนหินวิเศษอะไรจะหากันได้ง่ายๆ ตามชายหาดอย่างนี้ แต่เมื่อเห็นเด็กชายแปลกหน้าบอกชื่อเปลือกหอยได้อย่างคล่องแคล่ว ข้าวโพดก็ดีใจที่จะได้ก้อนหินวิเศษมาช่วยให้ตนเรียนหนังสือเก่งขึ้น
"เวลา เธอทำข้อสอบ เธอก็ต้องนำมันติดตัวไปด้วย มันจะช่วยให้เธอทำข้อสอบได้อย่างสบายเลยแหละ อย่าลืมที่ฉันบอกล่ะ ถ้าเธอลืมเอามันติดตัวเธอก็จะทำข้อสอบได้ไม่ค่อยดีนัก" เด็กชายแปลกหน้ากำชับ
เมื่อ กลับมาบ้าน ข้าวโพดนำรูปเปลือกหอยมาค้นคว้า และพบว่าชื่อเปลือกหอยที่เด็กชายแปลกหน้าบอกตรงกับในตำรา ข้าวโพดยิ่งเชื่อสนิทใจและเก็บก้อนหินวิเศษไว้กับตัวเสมอ ทุกวันเวลาอ่านหนังสือก็จะเอาก้อนหินวิเศษออกมาวางบนโต๊ะอ่านหนังสือ และคิดไปว่าระยะหลังตนเรียนรู้ได้ดีกว่าเมื่อก่อน
และ แล้ววันสอบก็มาถึง เด็กชายจัดแจงเอาก้อนหินใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงโดยที่ไม่รู้เลยว่ากระเป๋า กางเกงตัวนั้นมีรอยขาด ระหว่างเดินทางไปโรงเรียน ก้อนหินวิเศษจึงหล่นหายไปโดยที่ข้าวโพดไม่รู้ตัว
หลัง เคารพธงชาติคุณครูให้นักเรียนทุกคนเข้าห้องสอบ ข้าวโพดนั่งประจำที่ด้วยความมั่นใจเป็นพิเศษ พลางล้วงหาก้อนหินวิเศษในกระเป๋ากางเกง แต่ก้อนหินไม่อยู่กับเขาแล้ว ข้าวโพดตกใจและขาดความมั่นใจไปในทันที แต่เมื่อคุณครูนำข้อสอบมาแจก ข้าวโพดกลับสามารถทำข้อสอบได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องพึ่งก้อนหินวิเศษแต่อย่างใด จากที่เคยกังวลว่าจะทำข้อสอบไม่ได้ เพราะไม่มีก้อนหินวิเศษก็เปลี่ยนเป็นความสนุกสนานในการทำข้อสอบ
ผล สอบในครั้งนั้นข้าวโพดมีคะแนนนำมาเป็นอันดับหนึ่ง และได้เป็นตัวแทนโรงเรีนไปตอบปัญหาวิทยาศาสตร์จนได้รางวัลชนะเลิศ สร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียน โดยที่ไม่มีก้อนหินวิเศษคอยช่วยเหลือแต่อย่างใด
คืน หนึ่งข้าวโพดฝันเห็นเด็กชายแปลกหน้า ในฝัน ข้าวโพดบอกเรื่องราวทั้งหมดให้เพื่อนใหม่ฟัง ทันใดนั้นเด็กชายแปลกหน้าก็กลายร่างเป็นนางฟ้าแสนสวย นางฟ้าบอกกับข้าวโพดว่า
"เธอ ไม่ต้องมีของวิเศษอะไรหรอกจ้ะ เพราะการที่เธอเป็นเด็กขยัน ชอบขวนขวายหาความรู้ใส่ตัวอยู่ตลอดเวลา โดยไม่ปล่อยเวลาว่างให้เปล่าประโยชน์นั้น มีค่ากว่าของวิเศษใดๆ ขอให้เธอจงยึดมั่นในสิ่งต่างๆเหล่านี้ตลอดไป แล้วเธอจะมีชีวิตที่ดีในวันข้างหน้า ... ลาก่อนจ้ะ" พูดจบนางฟ้าก็หายตัวไป
ตั้งแต่ นั้นเป็นต้นมา ข้าวโพดไม่เคยอยากได้ของวิเศษใดๆ เพราะรู้แล้วว่า .. ความเอาใจใส่ในการเรียน และ หาความรู้คือของวิเศษที่แท้จริง
วัย เด็กเป็นวัยสำคัญสำหรับการวางรากฐานเพื่อความสำเร็จ ความเจริญและความสุขในชีวิต เยาวชนจึงต้องไม่ปล่อยให้ผ่านไปเปล่า โดยมิได้ขวนขวายหาความรู้และความดีใส่ตัว เพราะการกระทำเช่นนั้น เป็นการทำลายตนเอง ทำลายส่วนรวมโดยแท้
พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
วันที่ 19 ธันวาคม พุทธศักราช 2518
พระบรมราโชวาท พระราชทานเพื่อเชิญลงพิมพ์ในหนังสือ วันเด็ก พ.ศ. 2519
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
ที่มา หนังสือ นิทาน "ทำดี ตามคำพ่อ" โดยศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม และ สบธ.
ข้อมูลจาก
http://fable.kippo.com/view/556/