วันนี้ (24 กรกฎาคม 2565) นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการขับเคลื่อนการแก้หนี้ครัวเรือนของรัฐบาล ซึ่งที่ผ่านมาได้นำร่องในกลุ่มลูกหนี้ กยศ. ข้าราชการครูและตำรวจที่กู้ยืมจากสหกรณ์ ซึ่งมีความคืบหน้าและเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม สำหรับในส่วนของลูกหนี้อื่นๆที่กู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์ ทางธนาคารแห่งประเทศไทยและกรมบังคับคดีได้ขับเคลื่อนเรื่องการเจรจาแก้หนี้และประนอมหนี้ อีกทั้งทางธนาคารแห่งประเทศไทยยังได้เป็นตัวกลางออกมาตรการ "รวมหนี้" สนับสนุนการรีไฟแนนซ์ (refinance) ตั้งแต่กันยายน 2564 แต่ยังพบว่าลูกหนี้ยังได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง จึงได้ออกมาตรการสนับสนุนการรีไฟแนนซ์และการรวมหนี้เพิ่มเติม เพื่อช่วยลดภาระให้กับลูกหนี้ที่มีประวัติการชำระหนี้ดีหรือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ซึ่งการรีไฟแนนซ์ คือ การปิดสินเชื่อจากเจ้าหนี้เดิมและย้ายไปใช้สินเชื่อของเจ้าหนี้ใหม่ ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นแก่ลูกหนี้ คือ
1)อัตราดอกเบี้ยลดลง ลูกหนี้จะมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น
2)เหลือหนี้ก้อนเดียวและอัตราดอกเบี้ยอัตราเดียวทำให้การชำระหนี้ง่ายขึ้น
3) ลดโอกาสการเสียประวัติลูกหนี้ หากเจรจารวมหนี้สำเร็จก่อนเกิดปัญหาหนี้เสีย
ทั้งนี้การรวมหนี้แบ่งออกเป็น 3 รูปแบบหลัก คือ
1) การรวมหนี้ภายในสถาบันการเงินเดียวกัน
2) การรวมหนี้ระหว่างสถาบันการเงิน โดยโอนหนี้บัตรจากธนาคารแห่งหนึ่งไปรวมกับหนี้บ้านของธนาคารอีกแห่งหนึ่ง หรือจะเป็นการโอนหนี้บ้านไปรวมกับหนี้บัตรก็ได้
3) การโอนหนี้บ้านและหนี้สินเชื่อรายย่อยประเภทอื่นไปรวมกันที่สถาบันการเงินแห่งใหม่ที่ลูกหนี้ไม่เคยมีหนี้ด้วยมาก่อน ขณะนี้ มี 14 ธนาคารที่สามารถยื่นขอรวมหนี้ภายในธนาคารหรือต่างธนาคารได้แล้ว คือ กรุงเทพ กรุงไทย กรุงศรีอยุธยา กสิกร เกียรตินาคิน ซีไอเอ็มบีไทย ทหารไทยธนชาติ ทิสโก้ ไทยพาณิชย์ ยูโอบี แลนด์แอนเฮ้าส์ ไอซีบีซี ออมสิน และอิสลามแห่งประเทศไทย ส่วนที่อยู่ในขั้นดำเนินการ คือ ธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย
อย่างไรก็ตาม มีข้อควรรู้สำหรับลูกหนี้ คือ
1) ลูกหนี้สามารถรวมหนี้ได้ไม่เกินมูลค่าของหลักประกัน ทั้งนี้ หากยอดหนี้ของสินเชื่อรายย่อยสูงกว่ามูลค่าหลักประกันสามารถขอรวมหนี้บางส่วนได้
2) ลูกหนี้ต้องให้ความยินยอมเปิดเผยข้อมูลที่จำเป็น เช่น ชื่อเจ้าหนี้ ยอดหนี้คงค้าง แก่ธนาคารที่ทำการรวมหนี้
3) ลูกหนี้อาจถูกพิจารณาปรับลดวงเงินส่วนที่นำไปรวมหนี้ เพื่อให้อยู่ในระดับที่ลูกหนี้สามารถบริหารจัดการได้
“รัฐบาลขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมมือกันแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลไม่สามารถจัดการให้ลุล่วงเพียงฝ่ายเดียวได้ การที่ธนาคารแห่งประเทศไทยและธนาคารพาณิชย์ได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือประชาชนที่กำลังประสบปัญหาสภาพคล่อง ถือเป็นแรงหนุนสำคัญที่จะทำให้หนี้ภาคประชาชนคลี่คลาย ในส่วนของรัฐบาลก็ได้เร่งแก้ไขในหลายมิติทั้งเรื่องช่วยเหลือลูกหนี้กยศ ลูกหนี้สหกรณ์ครู รวมถึงการเสนอร่างกฎหมายต่างๆที่จะอำนวยความเป็นธรรมแก่ลูกหนี้ อาทิ การเช่าซื้อรถยนต์ การแก้กฎหมายประกันสังคมเพื่อให้ผู้ประกันตนนำเงินสะสมบางส่วนมาใช้ในยามประสบปัญหาสภาพคล่อง ซึ่งเรื่องนี้คงต้องขอให้ทางสภาผู้แทนราษฏรเร่งพิจารณาโดยด่วนเพื่อประโยชน์ของประชาชนจำนวนมาก” นางสาวรัชดาฯ กล่าว