วันนี้ (3 ธ.ค.65) นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความก้าวหน้าในการวิจัยและการพัฒนายา ซึ่งรัฐบาลให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง และนักวิจัยไทยประสบความสำเร็จในการพัฒนายารักษาโรคมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก ถือเป็นอีกหนึ่งการยืนยันถึงศักยภาพทางด้านสาธารณสุขของประเทศ
รองโฆษกฯ กล่าวต่อว่า องค์การเภสัชกรรม ซึ่งเป็นองค์กรหลักในการพัฒนาวิจัยยา และได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาวิจัยยาต้านไวรัสเอชไอวี เพื่อผู้ติดเชื้อเอดส์มาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้พัฒนายาต้านไวรัสสูตรผสมชื่อ ยาเม็ดจีพีโอเฮบ-ซี (GPO-Hep C) สำหรับผู้ติดเชื้อเอดส์ร่วมกับไวรัสตับอักเสบซี เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาและให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาได้อย่างเท่าเทียม เนื่องจากที่ผ่านมามีผู้ติดเชื้อเอชไอวีร่วมกับไวรัสตับอักเสบซีจำนวนมากที่ไม่สามารถเข้าถึงการรักษาด้วยยาได้ เพราะยาต้องนำเข้าจากต่างประเทศและมีราคาสูง
ยาจีพีโอเฮบ-ซี (GPO-Hep C) นี้ เป็นยาสูตรผสมระหว่างยาเม็ดโซฟอสบูเวียร์ (Sofosbuvir tablets) ขนาด 400 มิลลิกรัม และยาเม็ดเวลพาทาสเวียร์ (Velpatasvir tablets) ขนาด 100 มิลลิกรัม ที่เป็น Pangenotypic Direct-acting antiviral agents (DAAs) สามารถใช้รักษาโรคติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีได้ทุกสายพันธ์ เพิ่มความสะดวกในการรับประทานยาของผู้ป่วย ส่งผลให้ประสิทธิภาพการรักษาดีขึ้นและลดปัญหาการดื้อยา โดยลดจำนวนเม็ดยาที่ต้องรับประทานยาสูตรเดิมจากวันละ 2 เม็ด 1 ครั้ง เหลือ วันละ 1 เม็ด วันละ 1 ครั้ง
ทั้งนี้ ยาสูตรผสมสำหรับต้านไวรัสตับอักเสบซี ได้นำไปใช้ในการรักษาผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และระบบประกันสังคมแล้ว สามารถใช้บริการในโรงพยาบาลตามสิทธิการรักษาได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย