น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 6 ธันวาคม 2565 มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้ขยายกรอบการดำเนินโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ กรณีการปลูกสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ รูปแบบโครงการเช่าระยะสั้น (Rental) บนที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท. 5050 และ ส.กท. 827 (บางส่วน) แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. เนื้อที่ประมาณ 3-1-91 ไร่ มีระยะเวลาโครงการ 3 ปี และ ให้ ธ.อาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และ ธ.ออมสิน แยกบัญชีโครงการฯ เป็นโครงการตามนโยบายของรัฐบาล (Public Service Accout: PSA) และไม่นับรวมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ที่เกิดจากการดำเนินโครงการฯ เป็นตัวชี้วัดผลการดำเนินงานของธนาคาร รวมทั้งให้สามารถนำค่าใช้จ่ายในการจัดทำโครงการฯ บวกกลับกำไรสุทธิเพื่อการคำนวณโบนัสพนักงานได้ต่อไป โดยที่ ธอส. และ ธ.ออมสินจะต้องไม่ขอรับการชดเชยงบฯ สำหรับการดำเนินโครงการฯ ในอนาคต
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า โครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐแบบเช่าระยะสั้น (Rental) เป็นโครงการเพื่อให้เจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีรายได้ไม่เกินเดือนละ 20,000 บาทในวันที่ยื่นขอรับสิทธิเช่าพักอาศัยเป็นรายเดือน ค่าเช่าอาคารชุดพักอาศัยไม่เกินเดือนละ 4,000 บาท และปรับปรุงค่าเช่าเพิ่มขึ้นไม่เกินร้อยละ 15 ทุก 5 ปี และสามารถพักอาศัยได้เป็นเวลา 5 ปี เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงรุ่นผู้อยู่อาศัยโดยเปิดโอกาสให้ผู้มีสิทธิรุ่นใหม่ได้มีโอกาสเข้ามาอยู่อาศัยแทน ซึ่งผู้ประกอบการลงทุนก่อสร้างอาคารชุดพักอาศัยจะได้สิทธิการเช่าที่ดินราชพัสดุและการบริหารอาคารชุดพักอาศัยระยะเวลา 30 ปี (ไม่รวมระยะเวลาก่อสร้าง) โดยได้เริ่มโครงการมาตั้งแต่ปี 2559 โดยขณะนี้มีโครงการเช่าระยะสั้น หมายเลขทะเบียนที่ กท.5050 กทม. และ ส.กท.827 (บางส่วน) แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. ยังอยู่ระหว่างดำเนินการแต่ไม่แล้วเสร็จเกิดความล่าช้าเพราะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 และกำหนดโครงการสิ้นสุดไปแล้วเมื่อ 18 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา ที่ประชุม ครม. จึงมีมติให้ขยายกรอบการดำเนินโครงการ 3 ปีนับตั้งแต่วันที่ ครม.มีมติ เพื่อให้โครงการสำเร็จลุล่วงตามเป้าหมาย
“ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่ของรัฐและประชาชนมีความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัย และสามารถใช้ประโยชน์บนที่ดินราชพัสดุได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ที่ประชุม ครม. จึงมีความเห็นให้ ธอส. และ ธ.ออมสิน คัดกรองลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมและให้มีการติดตามและเร่งรัดการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่ขยายกรอบการดำเนินโครงการไว้” น.ส.ทิพานัน กล่าว