การอบไอน้ำสมุนไพร คือ การนำสมุนไพรสดหรือแห้งหลาย ๆ ชนิด ส่วนใหญ่จะเป็นสมุนไพรที่มีกลิ่นหอมหรือมีน้ำมันหอมระเหยมาต้มกับน้ำเพื่อให้เกิดไอน้ำและความร้อนขึ้นภายในห้องหรือกระโจมที่ใช้อบตัว เพื่อเป็นการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสภาพร่างกายจากการเจ็บป่วย สำหรับการอบไอน้ำสมุนไพรนั้นมีประโยชน์อย่างไร มีข้อห้ามและข้อควรระวังอย่างไรบ้าง สามารถหาคำตอบได้ในบทความนี้ได้เลยค่ะ
ในศาสตร์การแพทย์แผนไทย การอบไอน้ำสมุนไพรเป็นการกระตุ้นธาตุไฟ ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของธาตุลมที่คั่งอั้น บรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ เปิดทางเดินหายใจให้หายใจโล่งขึ้น กระตุ้นการไหลเวียนและปรับสมดุลของธาตุน้ำ
การอบไอน้ำสมุนไพรมีประโยชน์อย่างไร
1. กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดลมให้ดีขึ้น
2. บรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
3. บรรเทาอาการคัดจมูกในผู้ที่เป็นหวัด โรคภูมิแพ้อากาศ หรือโรคหอบหืดที่ไม่รุนแรง
4. ช่วยเปิดรูขุมขนและขับเหงื่อ
5. ช่วยขับน้ำคาวปลาในหญิงหลังคลอด
การอบไอน้ำสมุนไพรมีข้อห้าม/ข้อควรระวังอย่างไรบ้าง
ข้อห้ามในการอบไอน้ำสมุนไพร
1. มีไข้สูงเกิน ๓๘.๕ องศาเซลเซียส
2. มีอาการอ่อนเพลีย อดนอน อดอาหาร
3. หลังรับประทานอาหารอิ่มใหม่ ๆ ไม่เกิน ๓๐ นาที
4. ผู้ที่เป็นโรคติดต่อร้ายแรง เช่น วัณโรค
5. ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคลมชัก โรคลมบ้าหมู โรคหอบหืดระยะรุนแรง โรคไตชนิดรุนแรง โรคหัวใจ มีอาการเจ็บแน่นหน้าอก หอบเหนื่อย
6. ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงกว่า ๑๔๐/๙๐ มิลลิเมตรปรอท ที่มีอาการหน้ามืด วิงเวียนศีรษะ ปวดศีรษะ หรือคลื่นไส้ อาเจียน
7. ผู้ที่มีบาดแผลเปิด มีการอักเสบของบาดแผล หรือโรคติดเชื้อทางผิวหนัง
8. หญิงขณะมีประจำเดือน หรือตั้งครรภ์
9. ผู้ที่แพ้สมุนไพร หรือแพ้ความร้อน
ข้อควรระวังในการอบไอน้ำสมุนไพร
1. ผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำกว่า ๙๐/๖๐ หรือสูงกว่า ๑๔๐/๙๐ มิลลิเมตรปรอท มีความเสี่ยงต่อการเป็นลมหมดสติ ต้องสังเกตอาการและดูแลอย่างใกล้ชิด
2. ไม่ควรอบนานเกิน ๓๐ นาที จะทำให้สูญเสียน้ำและเกลือแร่ทางเหงื่อ ส่งผลให้อ่อนเพลียและอาจเป็นลมได้
3. ในขณะอบไอน้ำสมุนไพร หากมีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก ควรหยุดทันที
สามารถอบไอน้ำสมุนไพรได้สัปดาห์ละ ๒-๓ ครั้ง ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละราย กรณีการฟื้นฟูหญิงหลังคลอดอาจมีการอบไอน้ำสมุนไพรติดต่อกันได้ตามดุลพินิจของแพทย์ เมื่อสิ้นสุดการอบไอน้ำแล้วให้ดื่มน้ำเปล่าหรือน้ำเกลือแร่ เพื่อทดแทนการสูญเสียเหงื่อ
สำหรับผู้ที่สนใจการอบไอน้ำสมุนไพรสามารถรับคำปรึกษาและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่คลินิกอายุรเวทแพทย์แผนไทยประยุกต์ โรงพยาบาลศิริราช
สถานการแพทย์แผนไทยประยุกต์
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล