วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มุ่งขับเคลื่อนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างมีวิสัยทัศน์ โดยผลักดันให้ไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่สำคัญของโลกได้ติดตามและผลักดันการก่อสร้างศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (Automotive and Tyre Testing, Research and Innovation Center – ATTRIC) เพื่อรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ ซึ่งมีความก้าวหน้าอย่างไปอย่างมาก
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ทั้งนี้คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2559 อนุมัติโครงการก่อสร้างศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ วงเงิน 3,705.7 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ส่วนทดสอบยางล้อตามมาตรฐาน UN R117 และระยะที่ 2 ส่วนทดสอบยานยนต์และชิ้นส่วน โดยการก่อสร้างระยะที่ 1ได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการแล้ว ส่วนระยะที่ 2 ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จร้อยละ55 ในคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2569 เมื่อเสร็จสมบูรณ์และเปิดให้บริการ จะเป็นทางเลือกในการอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการสามารถทดสอบผลิตภัณฑ์ได้ภายในประเทศ ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายไม่ต้องส่งไปทดสอบในต่างประเทศอย่างที่ผ่านมา คาดว่าจะมีรายได้ไม่น้อยกว่าปีละ 968 ล้านบาท และสร้างรายได้กระจายในพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 148 ล้านบาทต่อปี
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับโครงการก่อสร้างศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ ตั้งบนพื้นที่ 1,234.98 ไร่ ตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือEEC เพื่อให้บริการทดสอบและรับรองผลิตภัณฑ์ยานยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ และยางล้อตามมาตรฐานสากล เพื่อส่งเสริมและยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ยานยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ และยางล้อของไทย ไปสู่การเป็นซูเปอร์คลัสเตอร์อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ ผลักดันให้ไทยเป็นผู้นำและเป็นศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อมาตรฐานโลกแห่งแรกในอาเซียน ทั้งยังช่วยดึงดูดนักลงทุนอุตสาหกรรมการแปรรูปยางพาราให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย เพิ่มปริมาณการใช้ยางพารา และเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์แปรรูป ส่งเสริมธุรกิจและเกษตรกรชาวสวนยาง
“สะท้อนพล.อ.ประยุทธ์มุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างมีวิสัยทัศน์ เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างงานและสร้างรายได้ให้กับประชาชน เพื่อแก้ปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน ให้พ้นจากความยากจนในทุกมิติ”รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว