วันนี้ (7 เม.ย. 66) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวแจ้งเตือนสำหรับผู้ไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติ โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการปี 2565 ขอให้รีบดำเนินการยื่นขออุทธรณ์ภายในวันที่ 1 พฤษภาคม 2566 โดยสามารถดำเนินการผ่าน 2 ช่องทางดังนี้
1.ขออุทธรณ์ด้วยตนเองผ่านทางเว็บไซต์
https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ
https://welfare.mof.go.th ได้ตั้งแต่เวลา 6.00 น. ถึง 23.00 น. ของทุกวัน
2.ขออุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียนทั้ง 7 หน่วยงานได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทยฯ ธ.ก.ส. สำนักงานคลังจังหวัดทุกจังหวัด ที่ว่าการอำเภอทุกอำเภอ สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร หรือศาลาว่าการเมืองพัทยา ตามวันและเวลาทำการของแต่ละหน่วยงาน โดยให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานรับลงทะเบียนเป็นผู้ดำเนินการยื่นอุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติ ซึ่งผู้ไม่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติจะต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชนกับเจ้าหน้าที่หน่วยงานรับลงทะเบียนก่อนดำเนินการยื่นอุทธรณ์
ทั้งนี้เมื่อผู้ลงทะเบียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติได้ทำการยื่นขออุทธรณ์ตามขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว ขอให้ไปติดต่อเพื่อขอตรวจสอบและ/หรือขอปรับปรุงแก้ไขข้อมูลในกรณีที่ข้อมูลไม่ถูกต้องให้ถูกต้องได้ที่หน่วยงานตรวจสอบคุณสมบัติที่ผู้ลงทะเบียนไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาด้วยตนเอง หรือเป็นไปตามเงื่อนไขที่หน่วยงานตรวจสอบคุณสมบัติกำหนด โดยจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 1 พฤษภาคม 2566 ซึ่งประชาชนสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและรายละเอียดโครงการฯ เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์
https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ
https://welfare.mof.go.th
สำหรับความคืบหน้าของผู้ที่ผ่านเกณฑ์ตามโครงการที่ดำเนินการยืนยันตัวตนแล้ว พบว่า มีผู้ผ่านเกณฑ์ที่ยืนยันตัวตนสำเร็จจำนวนทั้งสิ้น 12,978,844 ราย คิดเป็นร้อยละ 88.91 ของจำนวนผู้ผ่านเกณฑ์ทั้งหมดจำนวน 14,596,820 ราย และจำนวนผู้ยื่นอุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการ มีจำนวนทั้งสิ้น 1,228,976 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 5 เมษายน 2566 เวลา 13.00 น.)
“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน มุ่งมั่นตั้งใจให้เข้าถึงสวัสดิการแห่งรัฐอย่างทั่วถึง เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ เพื่อสนับสนุนให้การดำรงชีวิตในเบื้องต้น สำหรับใช้สอยในชีวิตประจำวันและไม่ใช่การแจกเงินแต่เพียงเอย่างเดียว แต่ควบคู่ไปกับการส่งเสริมให้ประชาชนมีงานทำ มีอาชีพและรายได้ที่มั่นคง ตามมาตรฐานสากลและคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน ผ่านการผลักดันโมเดลเศรษฐกิจ BCG สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผลักดันพลาสติกชีวภาพหรือไบโอพลาสติกเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ที่ตอนนี้สามารถสร้างรายได้หลักล้านสู่ชุมชน”น.ส.ทิพานัน กล่าว