น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เพื่อเป็นการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจดิจิทัลของผู้ประกอบการไทย ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันที่ 16 พ.ค. 66 ที่ผ่านมา ได้อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน (ฉบับที่...) พ.ศ.... ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มกฎกระทรวงกำหนดพัสดุฯ พ.ศ. 2563 โดยได้เพิ่มการกำหนดให้พัสดุส่งเสริมดิจิทัลตามบัญชีบริการดิจิทัลเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการดิจิทัลของประเทศไทย ของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล(สศด.) เช่น ระบบการบริหารจัดการบัญชี โดรนตรวจจับความร้อน กล้อง CCTV ที่มีระบบตรวจจับใบหน้า และระบบ Smart Parking เป็นพัสดุประเภทที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน
พร้อมกับกำหนดให้พัสดุส่งเสริมดิจิทัลตามบัญชีบริการดิจิทัลฯ สามารถจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีเฉพาะเจาะจงได้ ในกรณีที่พัสดุที่จัดจ้างมีผู้ให้บริการเพียงรายเดียว หรือวิธีคัดเลือก ในกรณีที่พัสดุที่จะจัดจ้างมีผู้ให้บริการตั้งแต่ 2 รายขึ้นไปด้วย
“การปรับปรุงกฎกระทรวงดังกล่าวจะสนับสนุนและส่งเสริมให้มีการนำบริการดิจิทัลจากวิสาหกิจดิจิทัลของไทยมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาระบบเศรษฐกิจของประเทศและส่งเสริมการพัฒนาบริการดิจิทัลภายในประเทศทดแทนบริการจากต่างประเทศ โดยมีมาตรฐานเทียบเคียงที่เชื่อถือได้” น.ส.ไตรศุลี กล่าว
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า บัญชีบริการดิจิทัลเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบฯ ได้จัดทำขึ้นตามประกาศและหลักเกณฑ์ของ สศด. เพื่อกำหนดคุณสมบัติของผู้ประกอบการและเกณฑ์การขึ้นทะเบียนสินค้าหรือบริการ ซึ่งผู้ประกอบการ ที่จะขึ้นทะเบียนได้นั้นจะต้องมีคุณสมบัติ เช่น 1)จดทะเบียนจัดตั้งเป็นนิติบุคคลในประเทศ 2)มีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบกิจการเกี่ยวกับการผลิต พัฒนาหรือให้บริการโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (Software) โปรแกรมบริการ (Software as a Service:SaaS) ฮาร์ดแวร์ และอุปกรณ์อัจฉริยะ
3)ได้รับการรับรองคุณภาพมาตรฐาน เช่น ISO/IEC29110 หรือ Capability Model Integration :CMMI มาตรฐานด้านผลิตภัณฑ์ดิจิท้ัล หรือมาตรฐานอื่นๆ ตามที่ สศด. กำหนดที่ยังไม่หมดอายุจากหน่วยรับรอง หรือได้รับการรับรองตามเกณฑ์ที่ สศด. กำหนด
โดยเมื่อกฎกระทรวงฯ ที่ปรับปรุงแก้ไขมีผลบังคับแล้ว หน่วยงานรัฐที่ประสงค์จะจัดซื้อจัดจ้างพัสดุส่งเสริมดิจิทัลจะต้องจัดซื้อจัดจ้างกับผู้ให้บริการที่ได้ขึ้นบัญชีตามบัญชีบริการดิจิทัลเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการฯ เท่านั้น จึงจะสามารถจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีเฉพาะเจาะจงหรือวิธีคัดเลือกได้ แล้วแต่กรณี