เสี่ยงพัง
รู้หรือไม่? การเปิดไล่ฝ้าทิ้งไว้ อาจทำกระจกแตกทั้งบาน? เพราะกระแสไฟฟ้าไปตามเส้นขดลวด จะทำให้เกิดความร้อนที่กระจกจะทำให้หยดน้ำที่เกิดขึ้นบนกระจกระเหยไป จนเกิดความร้อนสะสมจนทำให้กระจกแตกได้….
เปิดไล่ฝ้าทิ้งไว้
ไล่ฝ้าที่เป็นแบบขดลวดความร้อนที่แปะติดอยู่กับเนื้อกระจก จะติดตั้งมากับกระจกบังลมหลัง โดยมีปุ่มให้กดเปิด-ปิด ที่ระบบไล่ฝ้ากระจกหลัง ซึ่งระบบไล่ฝ้ากระจกหลังจะทำการละลายฝ้า ด้วยการปล่อยกระแสไฟฟ้าไปตามเส้นขดลวดแบนๆ เล็กๆ (ที่ทำมาจากนิเกิลหรือทองแดง) รอบ ๆ กระจกบานหลัง จะทำให้เกิดความร้อนที่กระจก ทำให้หยดน้ำที่เกิดขึ้นบนกระจกระเหยไป
และเมื่อไอน้ำหรือฝ้าระเหยออกหมด กระจกจะมีความร้อนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้กระจกเกิดความร้อนสะสม จนส่งผลให้ขดลวดร้อนและขาด ( ถ้าขดลวดความร้อนขาดวงจรก็จะทำให้ไล่ฝ้าไม่ทำงานจะต้องเปลี่ยนกระจกใหม่เพื่อที่จะให้ไล่ฝ้ากลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม) หรือฟิล์มกรองแสงเสื่อมสภาพได้ (ต้องเปลี่ยนฟิล์มก่อนเวลาอันควร) และที่สำคัญความร้อนอาจทำให้กระจกแตกได้อีกด้วย (อันนี้แน่นอนว่าต้องเปลี่ยนกระจกบังลมหลังใหม่)
ดังนั้นจึงไม่ควรเปิดไล่ฝ้าต่อเนื่องนานเกิน 15 นาที หลังจากฝ้าหมดไปจากกระจก ถ้าเป็นไปได้ให้ทำการปิดไล่ฝ้าทันทีเมื่อพบว่าฝ้าหมดไปจากกระจก ยกเว้นว่ารถมีระบบตัดการทำงานของระบบไล่ฝ้าอัตโนมัติเท่านั้น
วิธีการไล่ฝ้าที่กระจกรถ ทำอย่างไร ?
1. ปรับลดกระจกรถลงหรือแง้มให้อากาศจากภายนอกถ่ายเทเข้ามาในห้องโดยสารเป็นการปรับอุณหภูมิให้มีความใกล้เคียงกัน
2. ปรับอุณหภูมิในรถให้มีอุณหภูมิที่ใกล้เคียงกับอุณหภูมิภายนอกรถ โดยการปรับอุณหภูมิแอร์เพิ่มขึ้นเมื่อเกิดฝ้าด้านนอก และปรับให้เย็นลงเมื่อเกิดฝ้าด้านใน
3. ใช้ปัดน้ำฝนและน้ำฉีดกระจกในการทำให้ฝ้าหายไป หรือใช้ผ้าผ้าเช็ดทำความสะอาดกระจกก็เป็นอีกวิธีที่เป็นการกำจัดฝ้าให้หายไปได้
4. ใช้สวิตช์ไล่ฝ้า ปัจจุบันจะมีในรถเกือบทุกรุ่น ไล่ฝ้ากระจกหลังจะเป็นแบบใช้ไฟฟ้ามาทำให้ขดลวดความร้อนที่ฝังอยู่ในกระจกทำให้ฝ้าหมดไป แต่ต้องปิดเมื่อไม่ได้ใช้งานหรือฝ้าหายไปแล้วเนื่องจากความร้อนจะทำให้กระจกเสียหายได้ เมื่อเปิดทิ้งเอาไว้นานๆ ส่วนกระจกบังลมหน้าก็ใช้สวิตช์ไล่ผ้าหน้าที่จะนำเอาลมแอร์ไปเป่าให้กระจกมีอุณหภูมิด้านนอกและด้านในใกล้เคียงกัน จะช่วยให้ฝ้าที่กระจกบังลมหน้าลดลงและหายไปได้
ข้อมูลจาก เคมอเตอร์