เสื่อมสภาพ
การขับรถระยะทางสั้นๆ เป็นประจำเสี่ยงต่อแบตเตอรี่เสื่อมไว ตอบเลยว่าจริงครับ เนื่องด้วยการสตาร์ตรถนั้นต้องใช้กระแสไฟจากแบตเตอรี่เป็นจำนวนมาก หากเดินทางเพียงระยะสั้นๆ แบตเตอรี่ (Battery)
การขับรถระยะทางสั้นๆ เป็นประจำเสี่ยงต่อ แบตเตอรี่เสื่อมไว ตอบเลยว่า “จริงครับ” เนื่องด้วยการสตาร์ตรถนั้นต้องใช้กระแสไฟจากแบตเตอรี่เป็นจำนวนมาก หากเดินทางเพียงระยะสั้นๆ แบตเตอรี่ (Battery) อาจจะไม่ได้รับการชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ทดแทนที่ใช้ไปกับการสตาร์ตได้เพียงพอ ส่งผลให้แบตเตอรี่ค่อยๆ หมดประจุหรือกระแสไฟในแบตเตอรี่ค่อยๆ ลดลง
เมื่อแบตเตอรี่ไม่ได้รับการประจุไฟไว้เต็มจะเกิดกำมะถันขึ้นในแบตเตอรี่ส่งผลให้ แบตเตอรี่เสื่อมไว ก่อนเวลาอันควร ทำให้แบตเตอรี่ไม่สามารถสตาร์ตเครื่องยนต์ติดได้ จนต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่เร็วขึ้นกว่าปกติทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายจากการที่ขับรถช่วงระยะสั้น ๆ เป็นประจำนี่เอง ครับ
ดังนั้นจึงควรขับรถอย่างน้อย ๆ ประมาณ 30 นาที หรือมากกว่าเพื่อให้มีการชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่เพื่อทดแทนที่ถูกใช้ไปในตอนที่สตาร์ตเครื่องยนต์ หากขับไม่ได้ก็ควรจะติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้เพื่อให้มีการชาร์จไฟ และที่สำคัญการเร่งเครื่องยนต์ประมาณ 1,500 -2,000 รอบ/นาที จะทำให้การชาร์จไฟได้เร็วขึ้น ใช้เวลาอย่างน้อย 15 นาที หรือซื้อเครื่องชาร์จแบตเตอรี่มาชาร์จไฟให้กับแบตเตอรี่ก็จะช่วยยื้ออายุการใช้งานให้กับแบตเตอรี่ได้นานตามอายุการใช้งานที่ควรเป็นครับ
การดูแลรักษาแบตเตอรี่
1. ทำความสะอาดสายไฟ ทั้งบวกลบ และแบตเตอรี่ด้วยน้ำอุ่น และเช็ดให้แห้งอยู่เสมอ
2. ตรวจเช็คทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ และทาด้วยวาสลีน เพื่อป้องกับคราบขี้เกลือ
3. ตรวจเช็คน้ำกลั่นสม่ำเสมอ ไม่ปล่อยให้น้ำแห้ง
4. ไม่เติมน้ำกลั่นให้เกินกว่าขีดสูงสุด และต่ำกว่าขีดต่ำสุด
5. ตรวจวัดระดับกระแสไฟแบตเตอรี่อย่างสม่ำเสมอ
วิธีการหลีกเลี่ยงไม่ให้ แบตเตอรี่เสื่อมไว
1. หลีกเลี่ยงการใช้รถสำหรับการเดินทางระยะสั้นบ่อยๆ การขับรถระยะสั้นๆ บ่อยๆ จะทำให้แบตเตอรี่ (Battery) อาจไม่ได้รับการชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ทดแทนที่ใช้ไปกับการสตาร์ตได้เพียงพอ ส่งผลให้แบตเตอรี่ค่อยๆ หมดประจุหรือกระแสไฟในแบตเตอรี่ค่อยๆ ลดลง
2. ตรวจเช็กจุดยึดแบตเตอรี่ หมั่นตรวจสอบว่าจุดยึดแบตเตอรี่ยังยึดแน่นอยู่ไหม เพราะแรงสั่นสะเทือนจากเครื่องยนต์เวลารถวิ่งอาจทำให้ส่วนประกอบภายในแบตเตอรี่สั่นคลอนและเกิดการกระแทก ทำให้อายุการใช้งานสั้นลงได้
3. รักษาความสะอาดแบตเตอรี่อยู่เสมอ เพราะฝุ่นหรือสิ่งสกปรกต่างๆ อาจทำให้ประสิทธิภาพในการจ่ายไฟของแบตเตอรี่ไม่เต็มที่
4. หลีกเลี่ยงการจอดรถเวลาอากาศร้อนจัด เพราะความร้อนจะส่งผลกระทบกับแบตเตอรี่ทางอ้อม ซึ่งอาจทำให้ของเหลวในแบตเตอรี่ระเหยออกมาได้ เป็นต้น
5. ห้ามปล่อยให้น้ำในแบตเตอรี่แห้ง ถ้าปล่อยให้แบตเตอรี่แห้ง จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมได้
6. ห้ามจอดรถทิ้งไว้โดยไม่ได้ขับนานๆ ซึ่งนานในที่นี้ คือ ประมาณ 1 อาทิตย์ขึ้นไป เพราะจะทำให้ประจุไฟที่อยู่ในแบตเตอรี่หายไปได้ ฉะนั้นเมื่อได้ขับนานควรหาเวลานำรถออกมาขับเพื่อวอร์มเครื่องยนต์บ้าง
ข้อมูลจาก kmotors.co.th