วันนี้ (13 มีนาคม 2567) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยถึงผลสำเร็จของนโยบายขับเคลื่อนยางพาราไทยของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งล่าสุดราคายางพาราสูงขึ้นทะลุ 90 บาท ถือเป็นราคาสูงที่สุดในรอบ 7 ปี จากการซื้อขายผ่านสำนักงานตลาดกลางยางพาราของการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) พร้อมเดินหน้าผลักดันขายคาร์บอนเครดิตในสวนยางไทย ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าได้กว่า 2.4 หมื่นล้านบาท
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานการณ์ราคายางพาราสูงทะลุถึง 90 บาท/กก. ถือเป็นผลงานในรอบ 6 เดือนที่เป็นรูปธรรม จากการทำงานของรัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายใต้นโยบาย “เกษตรกรต้องอยู่ดี สินค้าเกษตรมูลค่าสูง ทรัพยากรเกษตรยั่งยืน” และการบริหารจัดการยางพาราอย่างรอบด้านเพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับยางพารา รวมถึงการปราบปรามการลักลอบนำเข้า เพื่อลดผลกระทบด้านราคาของเกษตรกรไทย
นอกจากนี้ รัฐบาลยังสนับสนุนการสร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรผู้ปลูกยางพารา ผ่านการผลักดันกระบวนการซื้อขายแลกเปลี่ยนคาร์บอนเครดิต เนื่องจากยางพาราเป็นไม้ยืนต้นที่สามารถช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก จึงเป็นแนวทางเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรจากการขายคาร์บอนเครดิตในสวนยาง ซึ่งคำนวณจากพื้นที่สวนยางในประเทศที่ขึ้นทะเบียนกับการยางแห่งประเทศไทยทั้งหมดกว่า 20 ล้านไร่ จึงสามารถช่วยกักเก็บคาร์บอนได้ประมาณ 80 ล้านตัน ซึ่งจะคิดเป็นรายได้จากการขายคาร์บอนเครดิต รวมเป็นมูลค่ากว่า 24,000 ล้านบาท (ราคาซื้อขายคาร์บอนเครดิตเฉลี่ย 300 บาท/ตัน)
“นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือเกษตรกรไทย ดำเนิน การทุกทางไม่ใช่เพียงหาตลาด เพิ่มราคา แต่ยังปกป้องตลาดสินค้าไทยควบคุมการลักลอบนำเข้าสินค้าเถื่อน เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่ม กินดีอยู่ดี พร้อมชื่นชมการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ดำเนินการตามนโยบายอย่างเคร่งครัด เชื่อว่าราคายางจะยังคงปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยรัฐบาลจะดำเนินมาตรการให้สอดคล้อง เพื่อผลักดันให้ราคายางมีเสถียรภาพต่อไป” นายชัย กล่าว