ถ้าจะนับกันถึงตำแหน่งสำคัญในสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้วนอกจาก ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นผู้นำสูงสุดแล้ว ยังมีตำแหน่ง จเรตำรวจแห่งชาติ ซึ่งอยู่ในสถานะที่เทียบเท่า รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ด้วย
ปัจจุบันมี พลตำรวจเอกอมรินทร์ อัครวงษ์ เป็นผู้ดำรงตำแหน่ง จเรตำรวจแห่งชาติ ซึ่งหลังจากเข้ารับตำแหน่งแล้วมีการแถลงนโยบายงานจเรตำรวจ ที่น่าสนใจและขอนำมาถ่ายทอดให้รับทราบกันทั้งตำรวจและข้าราชการฝ่ายอื่นรวมทั้งประชาชน
จเรตำรวจเป็นงานที่สำคัญขอเน้น 3 ด้าน คือ 1.การตรวจราชการ 2.การรับเรื่องราวร้องเรียนร้องทุกข์ 3.งานจริยธรรมและจรรยาบรรณของตำรวจ
การตรวจราชการของจเรตำรวจด้านการร้องเรียนร้องทุกข์นั้น จะดำเนินการไปตามเนื้อผ้า ทำความจริงให้ปรากฏโดยเร็ว ไม่มีสองมาตรฐาน ผิดว่าตามผิด ถูกว่าตามถูก และต้องให้กำลังใจตำรวจดี ขอเรียกว่าเป็นตำรวจสีขาวโดยยึดมั่นในคุณงามความดีตลอดไป โดยปฏิบัติตามจริยธรรม จรรยาบรรณตำรวจเป็นพื้นฐานมีแนวร่วมในการทำความดี ทั้งภาครัฐ และภาคประชาชน
การตรวจสอบช่วงระยะแรกของการดำรงตำแหน่งจเรตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายนโยบายให้โฟกัสไปยังหน่วยที่สัมผัสใกล้ชิดประชาชนโดยตรงตามนโยบายของ นายกรัฐมนตรี และ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เช่น สถานีตำรวจที่มีอยู่ทั่วประเทศ 1,460 สถานีตำรวจ และหน่วยต่างๆที่ให้บริการแก่ประชาชน เช่น ตำรวจทางหลวง ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และตำรวจสันติบาล ในส่วนที่สัมผัสประชาชนโดยตรง เป็นต้น
นโยบายของ ผบ.ตร.ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง โดยต้องการให้ตำรวจเป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง โดยจเรตำรวจจะลงไปตรวจสอบในแต่ละพื้นที่ตามภารกิจ โดยประเมินผลวัดจากความรู้สึกของประชาชนตัวอย่างเช่น ขณะนี้ประชาชนเวลาไปติดต่อสถานีตำรวจต้องหาคนรู้จักฝากไป แสดงว่าไม่มั่นใจในการให้บริการของตำรวจ
ดังนั้น ต่อไปนี้ให้ประชาชนขึ้นไปติดต่อสถานีตำรวจได้โดยไม่ต้องมีคนฝาก ซึ่งจะได้รับบริการจากตำรวจเป็นอย่างดีแน่นอน
บุคลากรในสำนักงานจเรตำรวจแห่งชาติ ประกอบด้วยผู้มีความรู้ ความสามารถ มีประสบการณ์ มีระดับนายพลถึง 35 นาย เป็นระดับ พล.ต.อ. 1 นาย พล.ต.ท. 12 นาย พล.ต.ต. รอง ผบช. 11 นาย และ ผบก. 11 นาย ดังนั้น จึงมั่นใจได้ว่าการขับเคลื่อนนโยบายไปสู่การปฏิบัติทั่วประเทศจะสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
โดยช่วงแรกตามความเป็นจริงที่ดำรงอยู่ที่ผ่านการอบรมเข้ามาเป็นข้าราชการตำรวจใหม่ๆ จะเป็นสีขาวมีอุดมการณ์ พอไปพบสภาพแวดล้อมและวัฒนธรรมภายนอกที่เบี่ยงเบน หากภูมิต้านทานแห่งความดีไม่เข้มแข็งก็จะถูกดูดกลืนเป็นสีเทา
นานเข้าจะเกิดความเคยชิน บางนายก็เริ่มกลายเป็นสีดำ
ฉะนั้น เป้าหมายต่อจากนี้ต้องทำให้ตำรวจส่วนใหญ่ และตำรวจทุกคนรักษาอุดมการณ์ และคงความเป็นตำรวจสีขาวไว้ได้ตลอดไป และเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อจะได้สร้างวัฒนธรรมองค์กรแห่งความดีงามเป็นที่พึ่งพาของประชาชนอย่างแท้จริง
ตามวิสัยทัศน์ของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ “เป็นตำรวจมืออาชีพ เพื่อความผาสุกของประชาชน”.
“ซี.12”
ข้อมูลจาก
www.thairath.co.th โดย ซี.12
17 ตุลาคม 2555, 05:00 น