ลุ้นที่ประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่ 18 พ.ย.นี้ อนุมัติขึ้นเงินเดือนข้าราชการ เริ่ม 1 เม.ย.2558 เฉลี่ย 4%ต่อคน ขณะที่เงินช่วยเหลือ ค่าครองชีพข้าราชการชั้นผู้น้อยจากเดือนละ 1,500 บาท เพิ่มเป็น 2,000 บาท มีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 18 พ.ย.นี้ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน จะมีการพิจารณาปรับโครงสร้างบัญชีเงินเดือนข้าราชการ ตามข้อเสนอของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบข้าราชการ (ก.พ.ร.) โดยการพิจารณาโครงสร้างเงินเดือนข้าราชการดังกล่าว จะยึดหลักเพิ่มรายได้ของข้าราชการชั้นผู้น้อย ให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น และอยู่ในระดับสูงกว่ารายได้ของภาคเอกชนในระดับเดียวกัน ขณะที่ข้าราชการระดับกลางและชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งปัจจุบันมีรายได้น้อยกว่าภาคเอกชนหลายเท่าตัว ก็จะปรับเพิ่มให้สูงขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะข้าราชการระดับกลาง และระดับสูง ที่เงินเดือนตันหรือเงินเดือนเต็มขั้น ก็จะมีการขยายให้กว้างออกไป โดยข้าราชการชั้นผู้น้อยจะมีการปรับเงินเพิ่ม ในกรณีที่มีเงินเดือนไม่เกิน 12,285 บาท จะได้รับการปรับเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราว เพิ่มขึ้นจากเดือนละ 1,500 บาท เป็น 2,000 บาท
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีข้าราชการชั้นผู้น้อยที่รับเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราว แต่มีรายได้ไม่ถึง 10,000 บาท ก็จะทำให้มีรายได้ขั้นต่ำ 10,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป
ขณะที่ข้าราชการที่มีรายได้เกิน 10,000 บาทต่อเดือน เมื่อรับเงินเพิ่มค่าครองชีพเพิ่ม แต่รวมแล้วไม่เกิน 13,285 บาท โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ข้าราชการชั้นผู้น้อยที่เคยได้รับเงินค่าครองชีพชั่วคราว มีรายได้เพิ่มขึ้นเดือนละ 500-1,000 บาท ซึ่งการปรับเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวดังกล่าว จะครอบคลุมข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐชั้นผู้น้อย 380,000 คน
ทั้งนี้ ในส่วนของข้าราชการระดับกลางและระดับบริหาร ก็จะมีการปรับโครงสร้างบัญชีเงินเดือน โดยข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐชั้นผู้น้อย (ผู้ดำรงตำแหน่งที่ไม่ได้รับเงินประจำตำแหน่ง) ระดับต่ำกว่าไม่เกินชำนาญการ หรือระดับ 7 หรือชั้นยศพันโท หรือเทียบเท่า จะได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้น 4% และจะปรับเพิ่มเพดานเงินเดือนขั้นสูงของทุกระดับชั้น อีกไม่เกิน 10% เพื่อให้ผู้ที่มีเงินเดือนตันได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นด้วย โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.2558 โดยครอบคลุมข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ 1.98 ล้านคน และเป็นการนำเงินมาจากงบประมาณกลาง 16,800 ล้านบาทมาดำเนินการ ส่วนงบประมาณในปีถัดไป จะจัดสรรมาจากงบบุคลากรของแต่ละส่วนราชการต่อไป โดยการนำเงินมาจากตำแหน่งว่างของส่วนราชการที่เกษียณหรือลาออก ซึ่งไม่เป็นการสร้างภาระงบ ประมาณให้เพิ่มขึ้น และยังรวมถึงข้าราชการและเจ้าหน้าที่ในศาล องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ ก.พ.ร.ได้ประเมินว่า การเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อ) ตั้งแต่ปี 2551-2557 พบว่า มีการเปลี่ยนแปลง 19% ขณะที่ข้าราชการได้รับการปรับบัญชีเงินเดือนในช่วงเวลาดังกล่าว เพียง 1 ครั้ง เมื่อปี 2554 ประมาณ 5% ดังนั้น ทำให้ การปรับรายได้ให้แก่ข้าราชการในครั้งนี้ รวม 5-11% ถือเป็นการชดเชยรายได้ที่ไม่ได้รับการปรับเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา และยังเป็นการปรับขึ้นเงินเดือนจากเดิมที่ข้าราชการจะได้รับพิจารณาปรับขึ้นเงินเดือน ตามปกติปีละ 2 ครั้งคือ ในวันที่ 1 ต.ค.และวันที่ 1 เม.ย.ของทุกๆปีตามการประเมินผลงาน แต่ครั้งนี้ เป็นการปรับขึ้นเงินเดือนโดยทั่วหน้าพร้อมๆกัน.
ข่าวจาก ไทยรัฐออนไลน์
http://www.thairath.co.th/content/463648