อาหารเป็นพิษกับคำถามที่พบบ่อย

16 ธ.ค. 2557 เวลา 10:49 | อ่าน 7,223
แชร์ไปยัง
L
 
อาหารเป็นพิษ (Food Poisoning) เกิดจากต้นเหตุต่างๆ เช่น เชื้อแบคทีเรีย ไวรัส ฯลฯ ที่พบได้บ่อย มักเกิดจากเชื้อแบคทีเรียจำนวนมากที่แบ่งตัวอยู่ในอาหารที่รับประทานเข้าไป แล้วมีผลรบกวนทางเดินอาหาร ทำให้มีอาการปวดท้อง ท้องเสีย อาจจะมีอาการอาเจียนหรือไม่มี อาจมีไข้หรือไม่มี โดยทั่วไปจะเริ่มมีอาการหลังการรับประทานอาหารแล้ว 1 ชั่วโมง หรือนานกว่า 48 ชั่วโมง แต่ในบางกรณีเชื้อแบคทีเรียจำนวนน้อย หรือสารพิษที่เชื้อแบคทีเรียที่สร้างขึ้นก็เป็นสาเหตุให้เกิดอาการได้
ในบ้านเราซึ่งเป็นเมืองร้อน มีสภาวะและอุณหภูมิที่เหมาะสมกับการแบ่งตัวของเชื้อแบคทีเรีย ดังนั้น อาหาร สถานที่ และเวลาต่างๆจะทำให้เกิดการแบ่งตัวของเชื้อแบคทีเรียแตกต่างกันไปดังนี้
คำถามที่ 1: ซื้อเอแคลร์ และแซนด์วิช ที่วางขายตามแผงลอยใกล้ตึกที่ทำงานอยู่ บางครั้งก็ท้องเสีย อาเจียน จะสังเกตได้อย่างไรว่าอาหารที่วางขายอยู่เสียแล้วหรือยัง
เอแคลร์ และแซนด์วิช

ตอบ : เอแคลร์ แซนด์วิช และอาหารหรือขนมที่ต้องใช้มือหยิบจับ มีโอกาสที่จะถูกปนเปื้อนด้วยเชื้อแบคทีเรียจากมือของผู้เตรียมอาหาร เช่น เชื้อสแตฟิโลค็อคคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus) โดยเฉพาะเมื่อผู้เตรียมอาหารมีแผลมีหนองอยู่หรือแกะเกาจมูกในช่วงการเตรียมอาหาร ทำให้เชื้อแบคทีเรียถูกส่งผ่านไปอยู่ในอาหาร เจริญ แบ่งตัว และสร้างสารพิษ (toxin) ขึ้นได้ เมื่อรับประทานเข้าไป อาการที่เกิดจากสารพิษจะรวดเร็ว เช่น ภายใน 2 ชั่วโมง มีอาการอาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย ต้องล้มนอน แต่ไม่มีไข้ จะฟื้นตัวเร็ว ภายใน 24 ชั่วโมง โดยทั่วไปจะสังเกตได้ยากว่าเอแคลร์หรือแซนด์วิชนั้นเน่าเสียหรือยัง เนื่องจากการดูลักษณะจากภายนอกก็จะดูปกติ และรสชาติปกติ กว่าจะรู้ตัวอีกครั้งก็เกิดอาการแล้ว วิธีที่ดีที่สุด คือ ซื้อเอแคลร์และแซนด์วิชที่เก็บอยู่ในตู้แช่หรือตู้เย็นเสมอเนื่องจากเชื้อแบคทีเรียจะแบ่งตัวช้ากว่า กันไว้ดีกว่าแก้

คำถามที่ 2: ระยะนี้ต้องไปงานแต่งงานบ่อย อาหารที่เลี้ยงแบบค็อกเทลหรือบุฟเฟ่ต์ที่วางไว้ดูไม่น่าไว้ใจ บางครั้งก็ทำให้ท้องเสียตามมาในวันรุ่งขึ้น จะเลี่ยงได้อย่างไร
อาหารบุ๊ฟเฟ่

ตอบ : งานแต่งงานเป็นงานที่ต้องเตรียมอาหารไว้ล่วงหน้าสำหรับคนจำนวนมาก ปัญหาก็คือ ผู้จัดเตรียม เตรียมอาหารไว้ล่วงหน้านานเพียงใด ระมัดระวังในการเตรียม การปรุง การเก็บรักษาอาหารได้ดีเพียงไร โดยปกติเชื้อแบคทีเรียจะแบ่งตัวจาก 1 เป็น 2 ไปเรื่อยๆ ในสภาวะแวดล้อมและอุณหภูมิที่เหมาะสม การแบ่งตัวจะเกิดขึ้นทุกๆ 20 หรือ 30 นาที ดังนั้นเชื้อแบคทีเรีย 1 ตัว จะกลายเป็น จำนวนมากกว่า 2 ล้านตัว ภายในเวลา 7 ชั่วโมง และเพิ่มเป็น 7000 ล้านตัว ภายในเวลา 12 ชั่วโมง อุณหภูมิในบ้านเราโดยเฉพาะในหน้าร้อน ที่ 37- 38 องศาเซลเซียส เป็นอุณหภูมิที่เอื้อต่อการเจริญของเชื้อแบคทีเรียส่วนใหญ่ ดังนั้น การรับประทานอาหารในงานแต่งงานจึงค่อนข้างจะเป็นการเสี่ยงดวงอย่างหนึ่ง หากเป็นอาหารที่รับประทานเย็น เช่น ออเดิร์ฟ ก็ได้แต่คาดหวังว่าอาหารจะอยู่ในที่เย็นตลอดตั้งแต่ต้นจนถึงเวลาเสิร์ฟในห้องจัดเลี้ยงที่ติดเครื่องปรับอากาศ ถ้าเป็นอาหารร้อน ผู้เตรียมอาหารก็มักจะไม่นำอาหารไปแช่เย็น ซึ่งก็เท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้เชื้อแบคทีเรียแบ่งตัวได้เมื่ออุณหภูมิเหมาะสม สำหรับอาหารร้อนที่วางเสิร์ฟอยู่โดยมีถาดน้ำร้อนหล่อข้างใต้ ที่ปลอดภัยคืออาหารที่อยู่ในถาดอาหารต้องมีอุณหภูมิสูงกว่า 62.8 องศาเซลเซียส ซึ่งแขกที่มาในงานก็ไม่น่าจะบังเอิญมีเทอร์โมมิเตอร์ติดตัวมาสำหรับวัดอุณหภูมิ (อาจถูกเจ้าภาพไล่ออกจากงานเลี้ยงได้) การที่มองเห็นควันน้ำร้อนจากถาดที่รองข้างใต้ก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่าอุณหภูมิของอาหารในถาดข้างบนจะอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย โดยสรุปแล้ว อาหารที่ดูมีแนวโน้มจะอันตรายน้อยกว่าอาหารอื่นๆ คือ อาหารที่เป็นน้ำๆ เหลวๆ เช่น ก๋วยเตี๋ยวน้ำที่มีการปรุงสดๆจากหม้อน้ำซุปตั้งเตาร้อนๆ ตักเสิร์ฟเดี๋ยวนั้น กระเพาะปลาที่อยู่ในหม้อใหญ่ มีเตาแกสอยู่ข้างใต้ เห็นเดือดปุดๆตลอดเวลา (อุณหภูมิน่าจะอยู่ที่ 100 องศาเซลเซียส หรือใกล้เคียง) เป็นต้น แต่ถ้าเป็นงานเลี้ยงกลางแจ้ง ที่ต่างจังหวัด ไม่มีเครื่องปรับอากาศ ก็กรุณาย้อนกลับไปดูอัตราเร็วของการแบ่งตัวของเชื้อในตอนต้น และเตรียมตัวเตรียมใจเรื่องอาหารเป็นพิษไว้ล่วงหน้า

คำถามที่ 3: จะไปออกค่ายช่วงหน้าร้อน กลัวอาหารที่ค่ายจะไม่สะอาด กลัวท้องเสีย จะระวังอย่างไร
อุปกรณ์ประกอบอาหารในการออกค่าย

ตอบ : ปัญหาของการออกค่าย คือ ที่ค่ายมักไม่มีตู้เย็น เนื่องจากชาวค่ายจะต้องเลือกไปช่วยพัฒนาหมู่บ้านที่ด้อยพัฒนา กันดาร ดังนั้น การเก็บรักษาอาหารทั้งสดและปรุงสุก ทำได้เพียงอย่างเดียว คือ เก็บในหีบแช่ที่ใส่น้ำแข็งไว้ทั้งล่างและบนของอาหารนั้นๆเป็นชั้นๆไป คือ รักษาอุณหภูมิให้ได้ใกล้กับน้ำแข็งมากที่สุด ก็น่าจะพอใกล้เคียงกับการแช่ตู้เย็นปกติ (อุณหภูมิ 4 – 10 องศาเซลเซียส) หากคำนวณปริมาณให้ดี อาหารสุกที่เหลือหลังการรับประทาน หากไม่มีเนื้อที่พอแช่เย็นก็ควรจะทิ้งไป อย่าเสียดาย เพื่อหลีกเลี่ยงอาหารเป็นพิษ ไม่เป็นภาระให้ชาวบ้านที่เราตั้งใจจะไปช่วยพัฒนา

คำถามที่ 4: ชอบร้านอาหารที่ขายเนื้อ หมู ปิ้งแบบญี่ปุ่นและเกาหลีมาก แต่ปู่ไม่ยอมไปด้วย บอกว่าให้ตะเกียบมาคนละคู่เดียว ไม่ถูกสุขอนามัยเลย กลัวท้องเสีย
หมูกะทะ

ตอบ : ปู่มีประสบการณ์มากกว่า ระวังดี เลยอายุยืนมาจนปูนนี้ ปัญหานี้เป็นเส้นผมบังภูเขา วิธีแก้ปัญหาง่ายๆ คือ ขอตะเกียบเพิ่มอีก 1 คู่ เพื่อใช้เป็นตะเกียบกลาง ใช้คีบอาหารดิบอย่างเดียว สำหรับตะเกียบส่วนตัวใช้คีบแต่ของสุกอย่างเดียว อาหารดิบและอาหารสุกก็จะไม่ปะปนกัน ถ้ามีเชื้อแบคทีเรียในอาหารดิบก็จะไม่ติดกลับไปอยู่ในอาหารสุกที่ผ่านความร้อนแล้ว

คำถามที่ 5: จะไปเที่ยวหัวหินกับเพื่อน คุณแม่สั่งไว้ไม่ให้ไปกินอาหารทะเลแผงลอยที่ตลาด เสียบรรยากาศไปทะเลมาก จะทำอย่างไรดี
แผงลอยขายอาหารทะเล

ตอบ : อาหารทะเลดิบ นอกจากอาจถูกปนเปื้อนด้วยเชื้อแบคทีเรียจากน้ำสกปรกที่ปนไปในน้ำทะเลแล้ว ก็ยังมีโอกาสถูกปนเปื้อนด้วยเชื้อแบคทีเรียจากน้ำทะเล เช่น เชื้อวิบริโอ พาราเฮโมลัยติคัส (Vibrio parahaemolyticus) ซึ่งอาการมักเกิดหลังการรับประทานอาหารทะเลที่มีเชื้อแบคทีเรียไปแล้วประมาณ 15 ชั่วโมง โดยจะมีอาการท้องเสียรุนแรง ปวดท้อง อาเจียนและมีไข้ ถ้าเริ่มเป็นตั้งแต่วันแรกที่ไปถึงหัวหิน งานนี้หมดสนุกแน่ เนื่องจากอาการจะคงอยู่นาน 2 -5 วัน หรือนานกว่านั้น (เสียบรรยากาศไปทะเลไปอีกแบบ) เท่าที่ทำได้เพื่อป้องกัน ก็คือ สังเกตว่าเจ้าแผงลอยวางอาหารทะเลดิบไว้บนน้ำแข็งบนกระบะตลอดเวลาหรือเปล่า หากมีเชื้อแบคทีเรียอยู่ เชื้อก็น่าจะแบ่งตัวช้าลงเนื่องจากอุณหภูมิต่ำ ถ้าปรุงอาหาร ผัด ต้มนึ่งให้สุกเต็มที่ เป็นการทำลายเชื้อแบคทีเรีย ก็น่าจะปลอดภัย อาหารทะเลที่สดและดี เมื่อตักเข้าปาก ไม่ควรจะอ่อนเละ กุ้ง ปูปลา ควรจะมีเนื้อแข็งแน่น คอยจับตาดูคนปรุง อย่านำอาหารทะเลที่สุกแล้วกลับไปสับหรือหั่นในเขียงที่เพิ่งใช้กับอาหารทะเลดิบ เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาหารเป็นพิษรอบใหม่ เจ้าไหนดูไม่ดี ก็เลือกเจ้าอื่นดีกว่า

ก่อนไปทำงาน ไปงานเลี้ยง หรือไปเที่ยว ต้องตั้งสติให้ดี เพื่อไม่ให้เกิดอาการป่วยจากอาหารเป็นพิษ ประคองสุขภาพไปให้ดี ทุกนาทีมีแต่ความสุข
เอกสารอ้างอิง Hobbs BC, Roberts D. Food poisoning and food hygiene. 5th ed. Kent: Edward Arnold, 1990.


16 ธ.ค. 2557 เวลา 10:49 | อ่าน 7,223


รีวิวบ้านใหม่ ไอเดียสร้างบ้าน
 
แชร์
L
ซ่อน
แสดง
มาใหม่
นายกฯ ขอบคุณสมาคมธนาคารไทย หั่นดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ลง 0.25% เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อลดภาระดอกเบี้ยให้กลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคล และ SME
67 25 เม.ย. 2567
รัฐบาลเชิญชวน ผู้กู้ยืม กยศ. ถูกดำเนินคดีในปี 2557 ที่ยังมีภาระหนี้ค้าง เข้าร่วมโครงการปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อขยายระยะเวลาชำระหนี้ ปลดภาระผู้ค้ำประกัน
109 25 เม.ย. 2567
การขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาท ทั่วประเทศ รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ พิจารณาอย่างเหมาะสมและรอบคอบ เผย 14 พ.ค. นี้ คกก. ค่าจ้างฯ เตรียมประชุมพิจารณาค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ
125 25 เม.ย. 2567
เพิ่มเบี้ยหวัดบำนาญ 11,000 บาท พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2567
320 22 เม.ย. 2567
ดวงกับดาวประจำวันที่ 21-27 เมษายน 2567
324 21 เม.ย. 2567
เงื่อนไข คุณสมบัติ ครอบครัวอุปถัมภ์ผู้สูงอายุ มีสิทธิได้รับเงินเดือนละ 3,000 บาท เริ่มยื่นเดือนพฤษภาคมนี้ เป็นต้นไป
644 19 เม.ย. 2567
ก.พ. เพิ่มอัตราเงินข้าราชการบรรจุใหม่ และข้าราชการเก่า ตรวจสอบคุณสมบัติได้ที่นี่
1,355 15 เม.ย. 2567
รถไม่ค่อยวิ่ง ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตอนไหนดี ?
73 13 เม.ย. 2567
นายกฯ ย้ำโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet เป็นประโยชน์ต่อประชาชน โปร่งใส ตรวจสอบได้ พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจ กระจายรายได้ถึงพี่น้องประชาชนระดับท้องถิ่นและชุมชน
92 12 เม.ย. 2567
สุริยะ รับข้อสั่งการนายกฯ อำนวยความสะดวกการเดินทางของประชาชนช่วงสงกรานต์ 2567 “สะดวก-รวดเร็ว-ปลอดภัย เผยการเดินทางวันแรก (11 เม.ย. 2567) พบการเดินทางคึกคัก อุบัติเหตุลดลง
727 12 เม.ย. 2567
ดูเพิ่มเติม
 
หาเพื่อนไลน์
ซื้อขายรถบ้าน.com
เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์
หางานราชการ
  English
TOEIC กับ การขึ้นเงินเดือน GED VS กศน ไทย (สอบเทียบไทย) แนะนำที่เรียน IELTS ยอดนิยม ของ เด็กอินเตอร์ TOEIC Online GED CU-TEP SAT
 
บทความกลุ่มเดียวกัน