การอ่านจำนวนเลขตั้งแต่ ๒ หลักขึ้นไป
เขียน อ่านว่า
๑๑ สิบ-เอ็ด
๒๑ ยี่-สิบ-เอ็ด
๑๐๑ ร้อย-เอ็ด, ห ฺนึ่ง-ร้อย-เอ็ด
๑๐๐๑ พัน-เอ็ด, ห ฺนึ่ง-พัน-เอ็ด
๒๕๐๑ สอง-พัน-ห้า-ร้อย-เอ็ด
การอ่านตัวเลขบอกเวลา
- การอ่านชั่วโมงที่ไม่มีจำนวนนาที เช่น
เขียน อ่านว่า
๐๕.๐๐ น. หรือ ๐๕:๐๐ น. ห้า-นา-ลิ-กา
๒๔.๐๐ น. หรือ ๒๔:๐๐ น. ยี่-สิบ-สี่-นา-ลิ-กา
๐๐.๐๐ น. หรือ ๐๐:๐๐ น. สูน-นา-ลิ-กา
- การอ่านชั่วโมงกับนาที เช่น
เขียน อ่านว่า
๑๑.๓๕ น. หรือ ๑๑:๓๕ น. สิบ-เอ็ด-นา-ลิ-กา-สาม-สิบ-ห้า-นา-ที
๑๖.๓๐ น. หรือ ๑๖:๓๐ น. สิบ-หก-นา-ลิ-กา-สาม-สิบ-นา-ที
- การอ่าน ชั่วโมง นาที และวินาที เช่น
เขียน อ่านว่า
๗:๓๐:๔๕ เจ็ด-นา-ลิ-กา-สาม-สิบ-นา-ที-สี่-สิบ-ห้า-วิ-นา-ที
๐๒:๒๘:๑๕ สอง-นา-ลิ-กา-ยี่-สิบ-แปด- นา-ที-สิบ-ห้า-วิ-นา-ที
- การอ่านเวลาที่มีเศษของวินาที ตัวเลขหลังจุดทศนิยมที่เป็นเศษของวินาที ให้อ่านเรียงตัว เช่น
เขียน อ่านว่า
๘:๐๒:๓๗.๘๖ แปด-นา-ลิ-กา-สอง-นา-ที-สาม-สิบ-เจ็ด-จุด-แปด-หก-วิ-นา-ที
๑๐-๑๔-๒๔.๓๗ สิบ-นา-ลิ-กา-สิบ-สี่-นา-ที-ยี่-สิบ-สี่-จุด-สาม-เจ็ด-วิ-นา-ที
หมายเหตุ
การเขียนตัวเลขบอกเวลาโดยใช้เครื่องหมายทวิภาค “:” คั่นระหว่างตัวเลขบอกชั่วโมง นาที วินาที เป็นวิธีการเขียนอย่างทั่วไป ส่วนการใช้เครื่องหมายยัติภังค์ “-” คั่นระหว่างตัวเลขบอกชั่วโมง นาที วินาที เป็นวิธีการเขียนที่ใช้ในการเดินเรือหรือทางดาราศาสตร์
ที่มา หนังสือ อ่านอย่างไร และ เขียนอย่างไร ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พิมพ์ครั้งที่ ๑๖,
การอ่านตัวเลขที่แสดงมาตราส่วน หรือ อัตราส่วน
เขียน อ่านว่า
๑:๑๐๐,๐๐๐ หฺนึ่ง-ต่อ-แสน หรือ หฺนึ่ง-ต่อ-หฺนึ่ง-แสน
๑:๒:๔ หฺนึ่ง-ต่อ-สอง-ต่อ-สี่
การอ่านตัวเลขที่มีจุดทศนิยม
๑. ตัวเลขหน้าจุดทศนิยม ให้อ่านแบบจำนวนเต็ม ตัวเลขหลังจุดทศนิยม ให้อ่านแบบเรียงตัว เช่น
เขียน อ่านว่า
๑.๒๓๕ หฺนึ่ง-จุด-สอง-สาม-ห้า
๕๑.๐๘ ห้า-สิบ-เอ็ด-จุด-สูน-แปด
๒. ตัวเลขที่เป็นเงินตรา หรือ หน่วยนับ ให้อ่านตามหน่วยเงินตรา หรือ หน่วยนับนั้น ๆ เช่น
เขียน อ่านว่า
๕.๘๐ บาท ห้า-บาด-แปด-สิบ-สะ-ตาง
๘.๖๕ ดอลลาร์ แปด-ดอน-ล่า-หก-สิบ-ห้า-เซ็น
๓.๕๘ เมตร สาม-เมด-ห้า-สิบ-แปด-เซ็น-ติ-เมด
๒.๒๐๕ กิโลกรัม สอง-กิ-โล-กฺรำ- สอง-ร้อย- ห้า-กฺรำ
การอ่านบ้านเลขที่
บ้านเลขที่ที่มีเครื่องหมายทับ “/” และบ้านเลขที่ที่ไม่มีเครื่องหมายทับ “/” มีหลักการอ่านเหมือนกัน คือ บ้านเลขที่ซึ่งมีตัวเลข ๒ หลัก ให้อ่านแบบจำนวนเต็ม ถ้ามีตัวเลข ๓ หลักขึ้นไป ให้อ่านแบบเรียงตัวหรือแบบจำนวนเต็มก็ได้ ส่วนตัวเลขหลังเครื่องหมายทับ “/” ให้อ่านเรียงตัว เช่น
บ้านเลขที่ ๑๐
อ่านว่า บ้าน-เลก-ที่ สิบ
บ้านเลขที่ ๔๑๔
อ่านว่า บ้าน-เลก-ที่ สี่-หฺนึ่ง-สี่
หรือ บ้าน-เลก-ที่ สี่-ร้อย-สิบ-สี่
บ้านเลขที่ ๕๖/๓๔๒
อ่านว่า บ้าน-เลก-ที่ ห้า-สิบ-หก ทับ สาม-สี่-สอง
บ้านเลขที่ ๖๕๗/๒๑
อ่านว่า บ้าน-เลก-ที่ หก-ห้า-เจ็ด ทับ สอง-ห ฺนึ่ง
หรือ บ้าน-เลก-ที่ หก-ร้อย-ห้า-สิบ-เจ็ด ทับ-สอง- ห ฺนึ่ง
กลุ่มตัวเลขที่มีเลข ๐ นำหน้า อ่านเรียงตัวเสมอ เช่น
บ้านเลขที่ ๐๘๖๔/๑๑๐๘
อ่านว่า บ้าน-เลก-ที่ สูน-แปด-หก-สี่-ทับ-หฺนึ่ง-หฺนึ่ง-สูน-แปด
การอ่านรหัสไปรษณีย์
รหัสไปรษณีย์ เป็นกลุ่มตัวเลขที่กำหนดขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงให้ทราบถึงปลายทางของสิ่งที่ส่งทางไปรษณีย์ และใช้แทนรายละเอียดพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อให้การคัดแยกและส่งต่อสิ่งของทางไปรษณีย์ไปยังปลายทางเป็นไปด้วยความ ถูกต้องและรวดเร็ว
รหัสไปรษณีย์ประกอบด้วยตัวเลข ๕ ตัว ตัวเลข ๒ ตัวแรกหมายถึงจังหวัด ส่วนตัวเลข ๓ ตัวหลัง หมายถึงที่ทำการไปรษณีย์ของจังหวัดนั้น ๆ เช่น รหัสไปรษณีย์ ๓๒๑๙๐ ตัวเลข ๓๒ หมายถึงจังหวัดสุรินทร์ ส่วนเลข ๑๙๐ หมายถึงที่ทำการไปรษณีย์โทรเลขจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งรับผิดชอบการนำจ่ายสิ่งของส่งทางไปรษณีย์ในพื้นที่อำเภอชุมพล บุรี จังหวัดสุรินทร์
การอ่านเลขรหัสไปรษณีย์ให้อ่านตัวเลขแบบเรียงตัว ดังนี้
รหัสไปรษณีย์ ๓๒๑๙๐
อ่านว่า สาม-สอง-ห ฺนึ่ง-เก้า-สูน
การอ่านหมายเลขทางหลวง
แต่ เดิมทางหลวงสายสำคัญ ๆ ปรกติใช้ชื่อสกุลของบุคคลที่มีความสำคัญซึ่งเกี่ยวข้องกับทางสายนั้น ๆ เช่น เป็นผู้บุกเบิก ผู้ก่อสร้าง มาตั้งเป็นชื่อถนน แต่เมื่อมีการสร้างทางมากขึ้น การใช้ชื่อสกุลมีความยุ่งยากและสับสน ทั้งไม่สามารถทราบได้ว่าทางสายนั้นอยู่ทางบริเวณภาคใดของประเทศ จึงได้มีการนำระบบหมายเลขมาใช้กำกับทางหลวงต่าง ๆ ซึ่งอยู่ในการดูแลของกรมทางหลวง ได้แก่ ทางหลวงแผ่นดิน ทางหลวงสัมปทาน และทางหลวงพิเศษ โดยมีหลักเกณฑ์ ดังนี้
๑๑.๑ ทางหลวงที่มีเลขหนึ่งตัว หมายถึง ทางหลวงแผ่นดิน และทางหลวงพิเศษที่เป็นถนนสายหลัก เชื่อมการคมนาคมระหว่างภาคต่อภาค ได้แก่
– ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑ หรือ ถนนพหลโยธิน เป็นถนนสายหลักที่ไปสู่ภาคเหนือ ตั้งต้นจากกรุงเทพฯ ไปสิ้นสุดที่จังหวัดเชียงราย
– ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒ หรือ ถนนมิตรภาพ เป็นถนนสายหลักที่ไปสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งต้นที่จังหวัดสระบุรี และไปสิ้นสุดที่จังหวัดหนองคาย
– ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓หรือ ถนนสุขุมวิท เป็นถนนสายหลักที่ไปสู่จังหวัดทางภาคกลางรวมถึงชายทะเลภาคตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งต้นจากกรุงเทพฯ ไปสิ้นสุดที่จังหวัดตราด
– ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔ หรือ ถนนเพชรเกษม เป็นถนนสายหลักที่ไปสู่ภาคใต้ ตั้งต้นจากกรุงเทพฯ ไปสิ้นสุดที่อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา
– ทางหลวงพิเศษหมายเลข ๕ เป็นถนนเชื่อมต่อวงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ ถึงจังหวัดเชียงราย
– ทางหลวงพิเศษหมายเลข ๖ เป็นถนนเชื่อมต่อวงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ ถึงจังหวัดหนองคาย
– ทางหลวงพิเศษหมายเลข ๗ เป็นถนนเชื่อมต่อวงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ ถึงจังหวัดจันทบุรี
– ทางหลวงพิเศษหมายเลข ๘ เป็นทางเชื่อมต่อวงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ ถึงสถานีรถไฟปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา
– ทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ เป็นถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ
๑๑.๒ ทางหลวงที่มีเลขสองตัว คือ ทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงพิเศษที่เป็นสายประธานตามภาคต่าง ๆ เช่น ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๒ หมายถึง ทางหลวงแผ่นดินสายประธานในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สายอุดรธานี-นครพนม ทางหลวงพิเศษหมายเลข ๕๑ หมายถึง ทางหลวงซึ่งเชื่อมต่อจากถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ สุพรรณบุรี
๑๑.๓ ทางหลวงที่มีเลขสามตัว คือ ทางหลวงแผ่นดินสายรอง เช่น ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๐๒ หมายถึงทางหลวงแผ่นดินสายรองในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สายชัยภูมิ-เขมราฐ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๑๔ หมายถึงทางหลวงแผ่นดินสายรองในภาคกลางสายบางปะกง-ฉะเชิงเทรา
๑๑.๔ ทางหลวงที่มีเลขสี่ตัว คือ ทางหลวงแผ่นดินที่เชื่อมระหว่างจังหวัดกับอำเภอ หรือสถานที่สำคัญของจังหวัดนั้น เช่น ทางหลวงหมายเลข ๔๐๐๖ หมายถึงทางหลวงในภาคใต้สายแยกทางหลวงหมายเลข ๔ (ราชกรูด-หลังสวน)
ในการอ่านหมายเลขทางหลวงให้อ่านเรียงตัว ดังนี้
หมายเลขทางหลวง ๒๑
อ่านว่า หฺมาย-เลก-ทาง-หฺลวง สอง-หฺนึ่ง
หมายเลขทางหลวง ๓๑๔
อ่านว่า หฺมาย-เลก-ทาง-หฺลวง สาม-หฺนึ่ง-สี่
การอ่านหมายเลขโทรศัพท์
การ อ่านหมายเลขโทรศัพท์ แต่เดิมกำหนดให้อ่านเลข “๒” ว่า “โท” เพื่อให้เสียงอ่านเลข “๒” กับเลข “๓” แตกต่างกัน เนื่องจากหมายเลขโทรศัพท์ประกอบด้วยตัวเลขหลายตัว บางครั้งอาจมีเลข ๒ และ ๓ อยู่เรียงกันหลายตัว เสียงอ่านเลข ๒ กับเลข ๓ มีเสียงใกล้เคียงกัน ปัจจุบันระบบโทรศัพท์พัฒนาเจริญก้าวหน้ามาก จึงให้อ่านหมายเลขโทรศัพท์ “๒” ว่า สอง หรือจะอ่านว่า “โท” ก็ได้
๑. หมายเลขโทรศัพท์ในประเทศ
องค์การ โทรศัพท์แห่งประเทศไทยได้ปรับเปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์ทั่วประเทศ ทั้งโทรศัพท์พื้นฐานและโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยกำหนดรูปแบบเลขหมายใหม่เพื่อรองรับการใช้งานเบื้องต้น ๙๐ ล้านเลขหมาย รวมหมายเลขรหัสทางไกล หรือรหัสโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีอยู่เดิมเข้ากับหมายเลขโทรศัพท์ เป็นหมายเลข ๙ หลัก การอ่านหมายเลขโทรศัพท์ซึ่งเดิมจะอ่านหมายเลขรหัสทางไกล หรือรหัสโทรศัพท์เคลื่อนที่ก่อนแล้วจึงอ่านหมายเลขโทรศัพท์ ปัจจุบันการเขียนและการอ่านหมายเลขโทรศัพท์ตามระบบที่เปลี่ยนใหม่ เป็นดังนี้
ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลซึ่งเดิมมีรหัสทางไกล ๐๒ เขียนดังนี้
หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๕๓๑ ๓๒๓๔*
อ่านว่า หฺมาย-เลก-โท-ระ-สับ สูน-สอง-ห้า-สาม-หฺนึ่ง สาม-สอง-สาม-สี่
หรือ หฺมาย-เลก-โท-ระ-สับ สูน-โท-ห้า-สาม-หฺนึ่ง สาม-โท-สาม-สี่
หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๖๔๓ ๕๑๕๑-๒๒
อ่านว่า หฺมาย-เลก-โท-ระ-สับ สูน-สอง-หก-สี่-สาม ห้า-หฺนึ่ง-ห้า-หฺนึ่ง ถึง สอง-สอง
ในต่างจังหวัด เช่น จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเดิมมีรหัสทางไกล (๐๓๒) เขียนดังนี้
หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๓๒๒๑ ๑๒๓๔
อ่านว่า หฺฺมาย-เลก-โท-ระ-สับ สูน สาม-สอง-สอง-หฺนึ่ง หฺนึ่ง-สอง-สาม-สี่
หรือ หฺมาย-เลก-โท-ระ-สับ สูน สาม-โท-โท-หฺนึ่ง หฺนึ่ง-โท-สาม-สี่
– หมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งมีรหัส ๐๑ ๐๙ ๐๖ เขียนดังนี้
๐ ๑๕๕๓ ๐๗๔๓ ๐ ๙๕๕๓ ๐๗๔๓ ๐ ๖๕๕๓ ๐๗๕๓
การอ่านให้อ่านเช่นเดียวกับโทรศัพท์ภายในประเทศ
๒. หมายเลขโทรศัพท์ระหว่างประเทศ
หมายเลขโทรศัพท์ระหว่างประเทศจะประกอบด้วยเครื่องหมาย “+” ซึ่งเป็นเครื่องหมายรหัสทางไกลต่างประเทศ (International Prefix) เพื่อให้ทราบว่าในการเรียกทางไกลต่างประเทศต้องหมุนหรือกดรหัสทางไกลต่าง ประเทศก่อน ตามด้วยตัวเลขที่เป็นรหัสประเทศ รหัสเมือง และหมายเลขโทรศัพท์ ตามลำดับ แบ่งเป็น ๒ ประเภท
๒.๑ การเรียกออกต่างประเทศ
รหัส เรียกออกทางไกลต่างประเทศสำหรับประเทศไทย คือ ๐๐๑ และ ๐๐๗ ซึ่งเป็นรหัสเรียกออกทางไกลต่างประเทศเฉพาะประเทศมาเลเซีย พม่า ลาว และกัมพูชา เช่น
๐๐๑ + ๓๓ ๘๘ ๓๗๑-๖๙๑
อ่านว่า ระ-หัด-เรียก-ทาง-ไกฺล-ต่าง-ปฺระ-เทด สูน-สูน-หนึ่ง ระ-หัด-ปฺระ-เทด สาม-สาม ระ-หัด-เมือง แปด-แปด หฺมาย-เลข-โท-ระ-สับ สาม-เจ็ด-หนึ่ง-หก-เก้า-หฺนึ่ง
๐๐๗ + ๙๕-๑ ๒๒๑๘๘๑
อ่านว่า ระ-หัด-เรียก-ทาง-ไกฺล-ต่าง-ปฺระ-เทด สูน-สูน-เจ็ด เก้า-ห้า หฺนึ่ง สอง-สอง-หฺนึ่ง-แปด-แปด-หนึ่ง
หรือ ระ-หัด-เรียก-ทาง-ไกฺล-ต่าง-ปฺระ-เทด สูน-สูน-เจ็ด เก้า-ห้า หฺนึ่ง โท-โท-หฺนึ่ง-แปด-แปด-หฺนึ่ง
๒.๒ การเรียกเข้าจากต่างประเทศ
รหัสเรียกเข้าทางไกลจากต่างประเทศ คือ ๖๖ เช่น
๖๖ ๒๒๘๒ ๒๒๖๙
อ่านว่า ระ-หัด-เรียก-ทาง-ไกฺล-ต่าง-ปฺระ-เทด หก-หก สอง-สอง-แปด-สอง สอง-สอง-หก-เก้า
หรือ ระ-หัด-เรียก-ทาง-ไกฺล-ต่าง-ปฺระ-เทด หก-หก โท-โท-แปด-โท โท-โท-หก-เก้า
โทรศัพท์ระบบบริการข้อมูลด้วยเสียงทางโทรศัพท์ (audiotex) ซึ่งมีเลขจำนวน ๑๐ ตัวประกอบด้วย ตัวเลขกลุ่มแรก ๔ ตัว เป็นรหัสบอกระบบ กลุ่มที่สอง จำนวน ๓ ตัว เป็นรหัสของเจ้าของกิจการนั้น และกลุ่มที่สามมีจำนวน ๓ ตัว เป็นรหัสประเภทการบริการ การเขียนหมายเลขโทรศัพท์ระบบนี้ ให้เขียนแยกเป็น ๓ กลุ่ม การอ่านให้อ่านแบบเรียงตัว เช่น
๑๙๐๐ ๑๑๑ ๐๐๐
อ่านว่า หฺมาย-เลก-โท-ระ-สับ- หฺนึ่ง-เก้า-สูน-สูน หฺนึ่ง-หฺนึ่ง-หฺนึ่ง สูน-สูน-สูน
โทรศัพท์ ระบบบริการข้อมูลด้วยเสียงทางโทรศัพท์โดยใช้พนักงานรับสาย (BUG) จะมีเลขจำนวน ๔ ตัว ซึ่งเจ้าของกิจการเป็นผู้กำหนดขึ้นเองเพื่อให้จดจำง่าย ให้เขียนหมายเลขทั้ง ๔ ตัว เป็นกลุ่มเดียวกัน และอ่านตัวเลขแบบเรียงตัว ดังนี้
๑๒๑๓
อ่านว่า หฺมาย-เลก-โท-ระ-สับ หฺนึ่ง-สอง-หฺนึ่ง-สาม
การอ่านเลขแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์
๑. แผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ที่จดทะเบียนตามพระราชบัญญัติรถยนตร์ พ.ศ. ๒๕๒๒ ให้อ่านหมายเลขประจำหมวดกับตัวอักษรบอกหมวดก่อน แล้วจึงอ่านตัวเลขแบบเรียงตัว ตามด้วยชื่อจังหวัดที่จดทะเบียน ดังนี้
เลขทะเบียน ๕ช-๒๔๓๗ กรุงเทพมหานคร
อ่านว่า ห้า-ชอ-ช้าง สอง-สี่-สาม-เจ็ด ก ฺรุง-เทบ-มะ-หา-นะ-คอน
๒. แผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ที่จดทะเบียนตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.๒๕๒๒ นั้น ให้อ่านตัวเลขรหัสแสดงประเภทรถยนต์ก่อน แล้วจึงอ่านตัวเลขแบบเรียงตัว ตามด้วยชื่อและรหัสจังหวัดที่จดทะเบียนดังนี้
เลขทะเบียน ๘๐-๒๔๓๗ กรุงเทพมหานคร ๐๑
อ่านว่า แปด-สูน สอง-สี่-สาม-เจ็ด-ก ฺรุง-เทบ-มะ-หา-นะ-คอน-สูน-ห ฺนึ่ง
การอ่านเลข ร.ศ. ที่มีการเทียบเป็น พ.ศ. กำกับ
เช่น ร.ศ. ๑๑๒ (พ.ศ. ๒๔๓๖)
อ่านว่า รัด-ตะ-นะ-โก-สิน-สก ร้อย-สิบ-สอง-ต ฺรง-กับ-พุด-ทะ-สัก-กะ- ห ฺราด สอง-
พัน-สี่-ร้อย-สาม-สิบ-หก
หรือ รอ-สอ ร้อย-สิบ-สอง ต ฺรง-กับ พอ-สอ สอง-พัน-สี่-ร้อย-สาม-สิบ-หก
(เพิ่มข้อความ “ตรงกับ” เพื่อให้ความหมายชัดเจนยิ่งขึ้น)
หรือ รัด-ตะ-นะ-โก-สิน-สก ร้อย-สิบ-สอง-ว ง- เล็ บ- เปิด-พุ ด- ท ะ- สั ก- กะ- ห ฺราด-สอง -พัน-สี่-ร้อย-สาม-สิบ-หก-วง-เล็บ-ปิด
หรือ รอ-สอ-ร้อย-สิบ-สอง-วง-เล็บ-เปิด-พอ-สอ-สอง-พัน-สี่-ร้อย-สาม- สิบ-หก-วง-เล็บ-ปิด
การอ่านเลขหนังสือราชการ
นิยมอ่านเรียงตัว เช่น
หนังสือที่ รถ ๐๐๐๑/๑๐๒ ลว. ๑๐ ตุลาคม ๒๕๓๘
อ่านว่า หฺนัง-สือ-ที่ รอ-ถอ สูน-สูน-สูน-หฺนึ่ง ทับ หฺนึ่ง-สูน-สอง ลง-วัน-ที่ สิบ ตุ-ลา-คม พุด-ทะ-สัก-กะ-หฺราด สอง-พัน-ห้า-ร้อย-สาม-สิบ-แปด
หนังสือที่ ศธ ๐๐๓๐.๐๑/๕๙๗ ลว. ๘ พ.ย. ๒๕๓๔
อ่านว่า ห ฺนัง-สือ-ที่ สอ-ทอ สูน-สูน-สาม-สูน-จุด-สูน- หนึ่ง-ทับ ห้า-เก้า-เจ็ด-ลง-วัน-ที่ แปด พ รึด-สะ-จิ-กา-ยน-พุด-ทะ-สัก-กะ- ห ฺราด สอง-พัน-ห้า-ร้อย-สาม-สิบ-สี่
ที่มาของข้อมูล ราชบัณฑิตยสถาน