TOEIC (อ่านว่า โทอิค) หลายๆคนคงคุ้นๆหู และเคยได้ยินชื่อนี้กันมาพอสมควรเลยใช่ไหม โดยเฉพาะคนที่เรียนจบปริญญาตรี ซึ่งก้าวต่อไปคือการสมัครงาน และวัยทำงานที่บางคนแม้กระทั่งได้งานทำแล้วก็ไม่วายที่จะต้องกลับมานั่งอ่านหนังสือเพื่อไปสอบข้อสอบนี้อีก จนหลายๆคนยกให้ข้อสอบ TOEIC เป็นข้อสอบชี้ชะตาชีวิตการทำงานไปแล้ว เพราะไม่ว่าจะเป็นงานที่ไหน งานอะไร หากหนึ่งในคุณสมบัติของการพิจารณารับเข้าเป็นพนักงานมีคะแนน TOEIC ประกอบอยู่ด้วยแล้วล่ะก็ คะแนนสอบนี้จะต้องเป็นตัวเปรียบเทียบระหว่างผู้สมัครแต่ละคนอยู่มาก และยังเป็นตัวที่บ่งบอกความสามารถทางภาษาของแต่ละคนอีกด้วย ซึ่งมีท่าทีว่าองค์กรหรือบริษัทส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากซะด้วย เนื่องจากทุกวันนี้คะแนนสอบ TOEIC ไม่ได้มีความสำคัญเฉพาะคนที่กำลังจะสมัครงานใหม่เท่านั้น แต่อีกสิ่งหนึ่งที่คะแนนสอบนี้จะช่วยได้มากคือ การเลื่อนขั้นและการขึ้นเงินเดือนนั่นเอง
Admin website เอง ก็เป็นคนหนึ่งที่ตอนจบมาใหม่ๆ งานที่สมัครค่อนข้างต้องใช้ภาษาอยู่พอสมควร ดังนั้นจึงไม่แปลกอะไรที่ทางบริษัทจะมีข้อเสนอซึ่งก็ปฏิเสธไม่ลง ต้องรีบรับไว้พิจารณาทันทีนั่นก็คือ หากมีคะแนน TOEIC ถึงเกณฑ์ที่บริษัทตั้งไว้จะได้รับค่าตอบแทนพิเศษเพิ่มขึ้น ถือเป็นค่าตอบแทนสำหรับคนที่มีความรู้ความสามารถ และมีทักษะทางภาษาอังกฤษในระดับที่ทางบริษัทต้องการ เห็นไหมว่า เจ้าคะแนนสอบ TOEIC นี้ยังคงตามหลอกหลอนอย่างต่อเนื่อง เพราะก่อนที่จะสมัครงานและได้งานทำที่บริษัทแห่งนี้ก็ต้องฝ่าฟัน มุ่งมั่นที่จะเอาชนะตัวเองให้สามารถทำคะแนนตอนเรียนมหาลัยได้ดี ให้สู้คนอื่นได้ พอผ่านตรงนั้นมา อย่างที่บอกไปในตอนต้นแหละว่า สุดท้ายก็ยังไม่วายที่จะมีคะแนนสอบ TOEIC วันนี้ Admin เลยอยากจะนำข้อมูลเกี่ยวกับการสอบ TOEIC พร้อมโอกาสหลายๆอย่างที่จะตามมามาเล่าให้ฟัง
สำหรับ TOEIC นั้น ยิ่งเราทำคะแนนได้สูงเท่าไหร่ หากเป็นบริษัทที่เน้นเรื่องภาษาอังกฤษ บอกเลยว่ามีโอกาสสูงมากที่เงินเดือนของคุณจะพุ่งปรี๊ดมากกว่าเดิม หรือไม่คุณก็จะได้เปรียบคนอื่นอยู่มาก ถ้าคุณต้องอยู่ในระหว่างการคัดเลือกเพื่อเข้าทำงานที่ไหนสักแห่ง เพราะมันแสดงให้เห็นถึงความรู้ความสามารถ เห็นถึงการพัฒนาตนเองได้อย่างเต็มเปี่ยม หรือถ้าคุณทำงานอยู่แล้วแต่บริษัทของคุณไม่ได้มีนโยบายให้ค่าตอบแทนพิเศษในลักษณะที่ได้กล่าวมา ให้คุณเชื่อเถอะว่าคะแนนสอบที่คุณมีจะไม่สูญเปล่าถ้ามันสูงพอ มันจะเป็นใบเบิกทาง เป็นโปร์ไฟล์ที่ดีและทำให้คุณโดดเด่นได้มาก หากวันหนึ่งคุณมีความคิดที่อยากจะหางานใหม่และกลับเข้าสู่โหมดของการแข่งขันอีกครั้ง เพราะคนเราส่วนใหญ่เมื่อทำงานไปได้ซักระยะ แน่นอนว่าร้อยทั้งร้อยก็ต้องการความก้าวหน้าของชีวิตทั้งนั้น เวลาทำงานเดิมๆไปนานๆ ก็เริ่มอยากทำงานที่ยากและท้าทายกว่าเดิม ค่าตอบแทนดีกว่าเดิม วันนั้นแหละ คุณจะรู้เลยว่าการมีความสามารถทางภาษาอังกฤษและมีคะแนน TOEIC สูงๆอยู่ในมือ มันก็เหมือนคุณได้กำชัยชนะไว้ครึ่งหนึ่งแล้ว เอาง่ายๆเลย คุณลองไปค้นหาข้อมูลในเว็บไซต์ประกาศรับสมัครงานใหญ่ๆก็ได้ โดยเลือกคีย์เวิร์ดว่า “TOEIC” จะมีตำแหน่งงานขึ้นมานับพันตำแหน่ง คราวนี้เริ่มเห็นความสำคัญของข้อสอบ TOEIC แล้วใช่ไหมละ เพราะฉะนั้นเรามารู้จักข้อสอบ TOEIC ให้มากขึ้นกว่านี้อีกซักหน่อยดีกว่า
TOEIC หรือ Test of English for International Communication เป็นข้อสอบวัดความสามารถทางภาษาอังกฤษที่โดยส่วนใหญ่แล้วมักใช้ในการสมัครงานเป็นหลัก ประเทศไหนก็แล้วแต่ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ ก็มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ข้อสอบนี้ในการประเมินว่าบุคคลนั้นๆมีความสามารถทางภาษาอังกฤษมากน้อยเพียงใด แต่ก็ไม่ใช่แค่วงการการทำงานเท่านั้นนะ สำหรับการสอบเข้าเรียนต่อในระดับต่างๆหรือการสมัครทุนบางแห่งก็สามารถใช้คะแนน TOEIC ได้เหมือนกัน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับแต่ละที่แหละว่ามีข้อกำหนดอย่างไรบ้าง
ซึ่งข้อสอบ TOEIC นี้จัดทำขึ้นโดย Educational Testing Service เรียนสั้นๆว่า ETS ส่งตรงจากประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นองค์กรที่ต้องบอกเลยว่าออกข้อสอบได้อย่างมีมาตรฐานมากๆ และแน่นอนว่าก็ไม่ได้ออกมาแค่ข้อสอบ TOEIC ตัวเดียว แต่ยังมีข้อสอบอีกหลายอย่างที่ ETS มีส่วนร่วมในการพัฒนา
ใครที่ไม่เคยสอบมาก่อน คงอยากรู้ใช่ไหมว่า ข้อสอบ TOEIC นั้นต้องการอะไรจากเราบ้าง เขาจะทดสอบเราอย่างไร ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่า ทักษะที่เราต้องมีเลยก่อนที่จะเข้าไปนั่งในสนามสอบจริง ณ ปัจจุบัน คือ ทักษะการฟัง (
TOEIC Listening), ทักษะการอ่าน (
TOEIC Reading) และความรู้
TOEIC Grammar ที่ โดยคุณจะได้เจอข้อสอบทั้งหมด 200 ข้อ ให้เวลาทำเพียงแค่ 120 นาทีเท่านั้น !!! ใช่ คุณอ่านไม่ผิด และก็ไม่ได้เขียนผิด เขาให้เวลาเท่านี้จริงๆ นั่นหมายความว่าถ้าอยากจะทำให้ครบ อยากจะได้คะแนนเต็มก็ต้องทำข้อสอบเร็วประมาณหนึ่งเลยล่ะ พาร์ทแรกที่คุณจะได้เจอเลยคือ การฟัง (Listening) ทางศูนย์สอบจะเปิดไฟล์เสียงผ่านลำโพงที่มีอยู่ตามจุดต่างๆในห้องสอบ เปิดไปเรื่อยๆรอบเดียวนะไม่มีการรีรัน ใครที่หลุดระหว่างนี้ก็ต้องรีบตั้งสติกลับมาให้ทันนะ พาร์ที่สองคือพาร์ทการอ่าน (Reading) ที่บอกเลยว่าไม่ได้มีแค่การอ่านอย่างเดียวแน่ๆ เพราะคุณต้องเจอกับ Grammar ที่หลายๆคนร้องยี้ และหวาดผวาสุดๆ แต่นับเป็นโชคดีที่ข้อสอบ TOEIC เป็นข้อสอบแบบตัวเลือก (Multiple Choice) ถ้าสุดท้ายคุณทำไม่ทันจริงๆก็ยังพอเดาได้บ้าง ไม่ต้องกังวลว่าคะแนนคุณจะเป็นศูนย์นะ เนื่องจากข้อสอบ TOEIC มีเกณฑ์คะแนนต่ำสุดอยู่ที่ 10 คะแนน แต่สอบทั้งทีจะเอามาแค่ 10 คะแนนก็ดูจะน้อยไปหน่อย ลองเตรียมตัวดีๆ เตรียมตัวฟิตๆก็น่าจะทำให้คะแนนคุณออกมาสวยพอตัว ถ้าไม่สามารถที่จะอ่านหนังสือเองได้ เดี๋ยวนี้สถาบันต่างๆมีเปิดติว TOEIC เยอะมากเลย เช่น
จุฬาติวเตอร์ (
chulatutor ) หรือจะเรียน
toeic online ก็มีเยอะเหมือนกัน นั่นก็เป็นตัวช่วยหนึ่งที่ Admin เองที่ทำคะแนนสอบได้ก็เพราะลงเรียนอย่างจริงๆจังๆแหละ ส่วนเรื่องการสมัครสอบ TOEIC มีการจัดสอบทุกวันจันทร์-เสาร์ ยกเว้นวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ และเป็นข้อสอบหนึ่งในไม่กี่อย่างที่มีส่วนลด ซึ่งหาได้ตามหน่วยงานต่างๆ โดยจะมีส่วนลดมาก-น้อยแตกต่างกันไป ถ้าใครอยากสอบแบบมีส่วนลดลองมองหาที่บริษัทตัวเองก่อนก็ได้ เพราะบางบริษัทมีทำคอนแทคกับศูนย์สอบ หรือถ้าไหนๆจะสมัครเรียนตามสถาบันกวดวิชาแล้ว ลองเลือกสถาบันที่มีส่วนลดค่าสมัครสอบด้วยก็ดีไม่น้อยเลย หรือถ้าไม่มีส่วนลด ราคาเต็มของข้อสอบก็ยังไม่แพงเท่ากับข้อสอบอื่นๆเท่าไหร่ ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 1500 บาท/ครั้ง สามารถโทรไปสมัครสอบได้เลยที่ 02-260-7061 สำหรับศูนย์สอบที่กรุงเทพฯ หรือ 053-241-273,274,275 สำหรับศูนย์สอบที่เชียงใหม่
และนั่นก็คือข้อมูลของการสอบ TOEIC ที่อยากจะนำมาเล่าสู่กันฟัง ทั้งข้อมูลสำคัญๆที่อยากให้ทุกคนได้รู้ และโอกาสอีกหลายอย่างที่จะตามมาในอนาคต อย่าลืมสร้างโอกาสให้ตัวเองและดึงศักยภาพของเราออกมาให้ทุกคนได้เห็นกันนะ ทำให้ใครๆได้รู้ว่าคุณก็สามารถพิชิตคะแนน TOEIC ได้